แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือระดับทวิภาคีกับรัฐบาลอินเดียในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยอินเดียสนใจเจรจาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยปริมาณ 2 ล้านตัน เพราะขณะนี้อินเดียประสบปัญหาภาวะภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตข้าวลดลง และปริมาณสต๊อกข้าวภายในประเทศก็ปรับลดลง 15 ล้านตัน และใน เร็ว ๆ นี้ รัฐบาลอินเดียจะพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าข้าวเป็น 0% จากเดิม 70% เพื่อนำเข้าข้าวจากต่างประเทศในช่วงนี้ หากรัฐบาลอินเดียนำเข้าข้าวจากไทยครั้งนี้ จะถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ไม่เคยมีการนำเข้าข้าวมาก่อน เพราะโดยปกติอินเดียถือเป็นผู้ส่งออกข้าวสำคัญของโลก

ด้านนายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์ภาวะภัยแล้งในอินเดีย เพราะทราบว่าปริมาณสต๊อกข้าวอินเดียลดลง 15-16 ล้านตัน อาจจะมีความจำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ รวมถึงไทย โดยกรมอาจจะปรับแผนการเจรจาขายข้าวจีทูจีให้กับรัฐบาลอินเดีย จากเดิมที่กรมวางเป้าหมายว่าจะขายข้าวจีทูจีช่วง 3-4 เดือนนี้ปริมาณ 9.5 แสนตัน โดยจะเริ่มเจรจากับรัฐบาลหลายประเทศ ซึ่งไม่ใช่ตลาดเอกชน อาทิ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายว่าในปี 2553 จะขายข้าวแบบ จีทูจีให้ได้ 1.77 ล้านตัน

"การเจรจาจีทูจีจะเริ่มในเดือนหน้า ตามแผนกรมจะคุยกับทุกประเทศที่เอกชนไป ไม่ได้ หรือกับประเทศที่ต้องการจะซื้อกับรัฐบาล โดยอาจจะใช้วิธีขาย หรืออาจจะซื้อแบบอื่น หากประเทศผู้ซื้อมีปัญหาระบบการเงิน เช่น อาจเปลี่ยนเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้า-สินค้า (barter trade) การค้าหักบัญชี (account trade) กับตลาดแต่ละแห่งตามความเหมาะสม และจะร่วมกับเอกชนเดินทางไปตลาดใหม่ที่ไม่เคยซื้อตรงกับไทย เช่น แอฟริกาเหนือ แถบลิเบีย แอลจีเรีย เป็นต้น"

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปริมาณความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากที่มอบให้ทูตพาณิชย์สำรวจความต้องการซื้อ เพื่อที่จะเริ่มเดินทางเจรจา ขายระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) เช่น ฟิลิปปินส์ รัสเซีย และญี่ปุ่น คาดว่าภายใน 2 เดือนนับจากนี้จะสามารถเจรจาจีทูจี เพื่อขายข้าวใหม่ที่รัฐบาลจะรับซื้อโดยตรงจากเกษตรกรได้อย่างน้อย 1 ล้านตัน จากปริมาณการรับซื้อทั้งหมด 2 ล้านตัน ซึ่งอาจจะเพิ่มเป้าหมายถึง 2-3 ล้านตัน ในปีหน้า

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ