ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานผลการเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลจำนวน 2.6 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่เป็น ข้าวขาว 5% นาปรังปี 2551 ปริมาณ 1.3 ล้านตัน และข้าวขาว 5% ปีการผลิต 2551/2552 ปริมาณ 1.12 ล้านตัน ปรากฏมีผู้เข้าร่วมเสนอราคาประมูลในวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมาจำนวน 32 ราย ล่าสุดคณะกรรมการพิจารณาต่อรองราคา ซึ่งมีนายนาคม ธีรสุวรรณจักร รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นประธานได้ผลสรุปการเปิดซองเสนอต่อ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาระบายข้าวสารแล้วคาดว่าจะมี 2 แนวทางคือ หากจำหน่ายในราคาเฉลี่ย 14,000 บาท/ตันขึ้นไป จะมีผู้ส่งออกที่ชนะการประมูล 13-14 ราย รวมปริมาณ 2.4 ล้านตัน แต่หากตัดสินใจอนุมัติที่ราคาสูงขึ้นเป็น 14,500 บาท/ตัน คาดว่าจะขายให้กับผู้ส่งออกได้ต่ำกว่า 13 ราย ในปริมาณ 1 ล้านตันเท่านั้น

"เชื่อกันว่านางพรทิวาน่าจะเลือกแนวทางแรกที่ขาย 14 บาท/ก.ก. หรือตันละ 14,000 บาท โดยผู้ที่จะชนะการประมูลน่าจะมีหลายราย ซึ่งรายใหญ่ๆ ได้แก่ บริษัทแคปปิตัลซีเรียลส์ ในเครือนครหลวงค้าข้าว ปริมาณ 300,000 ตัน ราคาเฉลี่ย 14,300-14,800 บาท, บริษัทเอเชียโกลเด้นไรซ์ และบริษัทไชยพรไรซ์แอนด์ฟู้ดโปรดักส์ รายละ 300,000 ตัน ในราคาเฉลี่ย 14,300-14,500 บาท, บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ปริมาณ 200,000 ตัน ราคา 14,000-14,300 บาท, บริษัทสยามอินดิก้า ปริมาณ 670,000 ตัน ราคา 14,050-14,130 บาท และบริษัทสิงห์โตทอง ไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ปริมาณ 460,000 ตัน ราคาเฉลี่ย 14,000 บาท ส่วนบริษัท วุฒิกวี จำกัด ซึ่งเสนอซื้อยกลอต เช่นเดียวกับสิงห์โตทองฯ อาจจะถูกตัดสิทธิประมูลเพราะมีคุณสมบัติไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขการประมูล โดยมีสาเหตุมาจาก การติดแบล็กลิสต์กับ อคส." แหล่งข่าวกล่าว

อย่างไรก็ตามการขายข้าวส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว 5% ปี 2551 นาปรัง และปี 2551/2552 รวม 2.4 ล้านตัน หากตัดสินใจขายที่ราคาเฉลี่ย 14,000 บาท/ตัน ก็ยัง "ต่ำกว่า" ราคาตลาดที่อยู่ประมาณ 16,000-17,000 บาท/ตัน หรือเรียกว่าขาดทุนจากราคาตลาดตันละ 2,000-3,000 บาท/ตัน ขาย 2.4 ล้านตัน เท่ากับขาดทุน 4,800-7,200 ล้านบาท แต่หากคำนวณจากราคารับจำนำข้าวนาปรังปี 2551 ราคาจำนำ 14,000 บาท คำนวณเป็นข้าวสารเท่ากับ 28,000 บาท ส่วนข้าวนาปีปี 2551/2552 จำนำ 12,000 บาท คิดเป็นข้าวสาร 24,000 บาทต่อตัน เท่ากับขาดทุนราคาจำนำอย่างต่ำตันละ 10,000-14,000 บาท รวมแล้วขาดทุนจากราคารับจำนำ 2.4-4.8 หมื่นล้านบาท

"ที่น่าติดตามคือ ผู้ส่งออกรายเล็กที่ชนะการประมูลข้าวปริมาณมากขนาดนี้จะหาออร์เดอร์ข้าวได้ทันกำหนดการรับมอบตามประกาศประมูลได้หรือไม่ เพราะหากซื้อเกิน 150,000 ตัน จะต้องรับมอบข้าวภายในระยะเวลา 150 วัน นับจากวันทำสัญญาและต้องส่งออกข้าวสารไปต่างประเทศภายใน 45 วัน นับจากวันรับมอบข้าวสาร"

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ