แหล่งข่าวในวงการค้าข้าว เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการที่กระทรวงพาณิชย์ โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้เปิดประมูลขายข้าวสต๊อกรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในส่วนของข้าวขาว 5% นาปรังปี 2551 และข้าวขาว 5% ปี 2551/52 ซึ่งเป็นชนิดข้าวที่มีการเปิดประมูลขายมากที่สุดคือรวมกัน 2.4 ล้านตัน มีผู้ยื่นประมูลซื้อข้าว 2 ชนิดนี้ทั้งสิ้น 17 ราย ราคาที่เสนอซื้อในเบื้องต้นข้าวขาว 5% นาปรังปี 2551 ราคาต่ำสุดที่ตันละ 11,000 บาท สูงสุดที่ตันละ 15,500 บาท ข้าวขาว 5% นาปีปีการผลิต 2551/52 ต่ำสุดตันละ 10,800 บาท สูงสุดตันละ 15,220 บาท คณะกรรมการเจรจาต่อรองราคาได้ดำเนินการต่อรองราคามาตั้งแต่วันที่ 7-12 กุมภาพันธ์
ล่าสุดเย็นวันที่ 12 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการต่อรองราคาได้แจ้งผลการประมูลให้แต่ละบริษัทรับทราบแล้ว โดยบริษัทที่ได้รับแจ้งผลส่วนใหญ่จะได้ปรับราคาสูงขึ้นจากที่เสนอไปในเบื้องต้น โดยราคาส่วนใหญ่ได้ขึ้นไปสูงกว่าตันละ 14,000 บาท บริษัทที่เสนอต่ำกว่าตันละ 14,200 บาท จะไม่มีสิทธิ์ได้ข้าวครั้งนี้
"คาดว่าทั้ง 17 บริษัท จะได้รับจัดสรรขายให้จากการประมูลครั้งนี้ทั่วหน้ากัน เพียงแต่จะได้จำนวนมากน้อยเท่าใด เนื่องจากบางบริษัทอาจเสนอซื้อบางโกดังในราคาต่ำ เพราะคุณภาพข้าวไม่ดีและระยะขนส่งไกล อย่างไรก็ดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไม่ควรจะอนุมัติขายข้าวทั้งสองชนิด เพราะประกาศการประมูลขายของอคส.ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะเอกสารสำแดงการส่งออกที่ไม่ได้ระบุไว้ในประกาศ แต่มีการแจ้งผู้ประมูลด้วยวาจาว่าห้ามนำใบสำแดงบริษัทอื่นมาสำแดง การไม่ระบุเท่ากับเปิดทางให้ผู้ประมูลซื้อเอกสารสำแดงการส่งออกได้ และในที่สุดข้าวจะถูกย้อนกลับมาโครงการรับจำนำของรัฐบาลอีก หากจะอนุมัติควรอนุมัติต่อรายปริมาณไม่มาก"
นอกจากนี้หากนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อนุมัติขายข้าวทั้งสองชนิดดังกล่าวรัฐบาลยังคงขาดทุนอยู่โดยข้าวขาวนาปรัง 5% ขาดทุนตันละ 8,500-9,800 บาท เพราะต้นทุนจำนำของรัฐบาลจากข้าวเปลือกตันละ 14,000 บาท หรือคิดเป็นข้าวสารตันละ 24,000 บาท ข้าวขาว 5% นาปีปีการผลิต 2551/52 ต้นทุนจำนำข้าวเปลือกที่ตันละ 12,000 บาท หรือคิดเป็นข้าวสารที่ตันละ 22,000 บาท ขาดทุนตันละ 6,500-7,800 บาท
ส่วนผู้ที่ประมูลได้หากส่งออกต่างประเทศยังพอทำกำไรได้ เพราะราคาขายต่างประเทศอยู่ที่ตันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 18,000 บาท (คำนวณที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) ราคาประมูลซื้อที่ตันละ 14,200-15,500 บาท บวกค่าปรับปรุงและค่าขนส่งตันละ 2,000 บาท ตกตันละ 16,200- 17,500 บาท ขณะที่ข้าวเวียดนามขายอยู่ที่ตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากประมูลซื้อสูงมากกว่านี้จะแข่งเวียดนามลำบาก
สำหรับข้าวหอมมะลินาปีปีการผลิต 2551/52 ที่มีผู้เสนอราคาซื้อทั้งสิ้น 19 บริษัท ราคาเสนอซื้อต่ำสุดตันละ 15,300 บาท สูงสุดตันละ 24,500 บาท ถ้าไม่มีการอัพราคาขึ้นผู้เสนอราคาสูงสุดจะกำไรมหาศาลมาก เพราะข้าวหอมมะลิในท้องตลาดขณะนี้ตันละ 28,000 บาท หรือข้าวถุงบริโภคตกกก.ละ 30 บาท
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่าขณะนี้ได้มีโรงสีพื้นที่ภาคกลาง ได้ขึ้นไปกว้านซื้อข้าวขาวนาปรังที่มีการปลูกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) จำนวนมาก โดยโรงสีจะรับซื้อข้าวขาวนาปรังความชื้น 25% ที่ตันละ 8,200 บาท แล้วนำมาสวมสิทธิ์เข้าโครงการจำนำตันละ 10,000 บาท ได้ส่วนต่างตันละ 2,000 บาท พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่าเหตุที่โครงการจำนำนาปรังเต็มโควตาเร็วกว่ากำหนดทั้งที่ผลผลิตข้าวนาปรังพื้นที่ภาคกลางยังไม่เก็บเกี่ยวนั้น เพราะโรงสีภาคกลางขึ้นไปกว้านซื้อข้าวนาปรังภาคอีสานมาจำนำ
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ |