www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

โบรกเกอร์-ผู้ส่งออกเชื่อ 5 ปี ไทยเสียเบอร์หนึ่งข้าวโลก


นายฮูเบิร์ต ชเลมเมอร์ โบรกเกอร์นำเข้าข้าวจากบริษัท วีเอ อินเตอร์เทรดดิ้ง ประเทศออสเตรีย กล่าวในการประชุม "Thailand Rice Convention 2009" ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า ไทยจะเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวสูงสุดของโลก โดยพิจารณาจากการนำเข้าของออสเตรีย ที่มีปริมาณนำเข้าร่วม 5 แสนตัน เป็นการนำเข้าจากไทยปีที่ผ่านมาจำนวน 1 แสนตัน แต่ปีนี้น่าจะเหลือ 5 หมื่นตัน

โดยส่วนแบ่งตลาดถูกเฉลี่ย เป็นการนำเข้าจากประเทศต่างๆ แทน ได้แก่ พม่า จากเดิมนำเข้า 2 หมื่นตัน ปีนี้นำเข้า 1.2 แสนตัน เวียดนามเดิม 5 หมื่นตัน ปีนี้เป็น 7 หมื่นตัน สาเหตุที่มีการนำเข้าจากประเทศอื่นแทนไทยมากขึ้น เนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าข้าวจากประเทศอื่นๆ มาก เพราะบริษัทส่งออกข้าวยังตลาดแอฟริกาที่ให้ความสำคัญกับราคาเป็นหลัก

“เห็นด้วยหากรัฐบาลจะระบายข้าวช่วงนี้ เพราะผู้ส่งออกไม่มีข้าวแล้ว จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้าวจากอินเดียออกมา แต่ตลาดยังมีความต้องการ ซึ่งทุกตลาดกำลังจับตาความชัดเจนนโยบายข้าวของไทย” นายชเลมเมอร์กล่าว

อีรีชี้อินเดียกำหนดทิศทางข้าวโลก

นายซามาเรนดู โมฮัมที หัวหน้าฝ่ายสังคมศาสตร์ สถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ(IRRI) กล่าวว่า ปัจจัยที่จะกระทบต่อ สถานการณ์ข้าวโลกปลายปีนี้ คือ การตัดสินใจของอินเดียว่าจะส่งออกข้าวหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ กำลังประเมินผลกระทบ จากมรสุมทำให้แผนกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้งล่าช้าออกไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าอีก 2 สัปดาห์จะมีความชัดเจนเรื่องนี้

ทั้งนี้ หากอินเดียไม่ส่งออกข้าว ก็จะทำให้ปริมาณข้าวในตลาดลดลง ราคาข้าวโลกในปลายปีนี้ มีโอกาสขยับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ แต่จะเป็นผลดีกับไทยในฐานะผู้ถือสต็อกข้าวรายใหญ่ของโลก จะสามารถส่งออกข้าวได้ดีขึ้น หากอินเดียตัดสินใจส่งออกข้าว ก็สามารถส่งออกได้ปริมาณมากกว่า 2 ล้านตัน เพราะขณะนี้ อินเดียมีสต็อกเกินอยู่จำนวนมาก

คาดราคาข้าวปีหน้าปรับตัวสูงขึ้น

นายโมฮันที กล่าวอีกว่า สำหรับการสต็อกข้าวของรัฐบาลไทย ทำให้ราคาไม่เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งไม่ต้องการให้ไทยเก็งราคาข้าวมากจนเกินไป แม้ว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทย จะเป็นผลดีกับชาวนา แต่ก็ถือว่าเป็นการรบกวนตลาด

“เศรษฐกิจปีนี้มีผลกระทบต่อข้าวโลกบ้างแต่ไม่มาก และเชื่อว่าในปีหน้าราคาจะดีขึ้น สอด-คล้องกับสัดส่วนความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ตามจำนวนประชากรที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.2-1.3% ซึ่ง ไทยและเวียดนาม รวมถึงประเทศผู้ส่งออกอื่นๆ ควรมีความร่วมมือกัน ดูแลให้ราคาข้าวมีเสถียร-ภาพ ซึ่งถือว่าเป็นผลดีของทุกฝ่ายทั่วโลก” นายโมฮันทีกล่าว

ผู้ส่งออกชี้ข้าวไทยแพงเกินเสียเบอร์ 1

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ใน 5 ปีข้างหน้าไทยมีโอกาสสูญเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก เนื่องจากมีประเทศผู้ส่งออกหน้าใหม่เกิดขึ้น อาทิเช่น พม่า ที่ปีนี้ส่งออก 6-7 แสนตัน แต่ปีหน้า จะมีศักยภาพสามารถส่งออกได้ถึง 1.5 ล้านตัน ขณะที่กัมพูชาส่งออกปีนี้ 3 แสนตัน และผู้นำกัมพูชาประกาศเป็นผู้ส่งออกที่มีศักยภาพสูงถึง 1 ล้านตัน สัดส่วนผู้ส่งออกที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาด โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ไทยเสียแชมป์ ได้แก่ ราคาข้าวไทยที่สูงกว่าคู่แข่งมาก จากการรับจำนำในราคาสูงของรัฐบาล

ทั้งนี้ การดูแลราคาข้าว โดยการรับจำนำข้าวนาปี ควรลดลงจากเดิม อาทิเช่น ข้าวขาวตันละ 9.5 พันบาท ข้าวหอมมะลิตันละ 1.5 หมื่นบาท แต่รัฐบาลควรทำประกันราคาควบคู่กับการเปิดรับจำนำ แต่เน้นมาตรการจูงใจให้ชาวนาเข้าร่วมโครงการรับประกันมากกว่า

ส่วนการส่งออกข้าวครึ่งปีหลังขึ้นกับรัฐบาลของไทยและอินเดีย จะดำเนินการอย่างไร ล่าสุดรัฐบาลอินเดียชะลอส่งออก จะทำให้การส่งออกของไทยดีครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะข้าวนึ่ง ทั้งนี้ เชื่อว่าอินเดียจะกลับมาส่งออกได้เดือน ก.ย.จากเดิมคาดว่าเดือน ก.ค. ซึ่งไทยมีเวลาอีก 2 เดือน ทำให้รัฐบาลไทยต้องเร่งระบายสต็อก เพราะหากอินเดียกลับมาส่งออก ไทยจะได้รับผลกระทบเพราะข้าวอินเดียราคาต่ำกว่ามาก โดยคาดว่าทั้งปีจะส่งออกข้าวได้ 8.5 ล้านตัน ตามเป้าหมาย ปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าว 10 ล้านตัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 35% ของโลกถือเป็นผู้ส่งออกสูงสุดและต่อเนื่องกันมาหลายปี

แนะหาทางระบายล็อตเล็ก 3-5 แสนตัน

นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธานบริษัท เอเซีย โกลเด้น ไรซ์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ ถึงเวลาแล้วที่รัฐจะระบายสต็อกข้าวเป็นล็อตเล็กๆ 3-5 แสนตัน เพราะความต้องการตลาดยังมีอยู่ และขณะนี้ราคาถือว่าใกล้เคียงกับราคารับจำนำ ที่ห่างเพียงตันละ 300 บาท ทั้งนี้ ข้าวในมือผู้ส่งออกมีน้อยมากหากล่าช้ากว่านี้ อาจมีข้าวจากปากีสถานกำลังออกสู่ตลาด ส่งผลกระทบต่อราคาได้

ส่วนการเปลี่ยนจากระบบรับจำนำมาเป็นการประกันราคาถือว่าดี แต่ขึ้นกับว่ารัฐบาลจะทนแรงต้านทานจากชาวนาไหวหรือไม่ ทั้งนี้ เห็นว่าหากระบายข้าวอาจกระทบราคาตลาดในประเทศเล็กน้อย แต่อีกด้านจะทำให้ข้าวไหลไปสู่มือผู้ซื้อมากขึ้น

“ตอนนี้ผู้ซื้อต่างประเทศรอความชัดเจนจากรัฐบาลไทยอยู่ เพราะเป็นผู้ถือว่ารายใหญ่ ส่วนขายรัฐต่อรัฐยังมีโอกาส ได้แก่ อิหร่าน ฟิลิปปินส์ ที่ยังมีความต้องการอีกประมาณ 5 แสนตัน ด้านข้าวขาวส่งออกน้อยลงมากปีนี้ลดลงไปแล้ว 10% ทั้งนี้ หากรัฐบาลเปิดประมูลข้าว ก็พร้อมเข้าร่วมประมูลเพราะมีข้าวในมืออยู่น้อย” นายสมบัติกล่าว

แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกข้าวไทยรายหนึ่ง กล่าวว่า การส่งออกข้าวขาวของไทยกำลังประสบปัญหาถูกแย่งตลาดเพราะผู้ซื้อ หันไปซื้อข้าวจากเวียดนามทำให้การส่งออกข้าวขาวเฉลี่ยเพียงเดือนละ 1-2 แสนตันเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณน้อยเทียบกับปีก่อน หากไม่มีการระบายข้าวรัฐ จะยิ่งทำให้ผู้ส่งออกไม่สามารถรับคำสั่งซื้อได้ เพราะข้าวส่วนใหญ่อยู่ในมือของรัฐบาล

ทั้งนี้ ตลาดส่งออกข้าวในปัจจุบัน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศแอฟริกา ที่ยังมีความต้องการซื้อสูง แต่ก็เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน จากปัจจัยเรื่องการแข่งขันด้านราคาที่สูงมาก และปัจจัยเสี่ยง หากอินเดียกลับมาส่งออก เพราะตลาดนี้เป็นตลาดข้าวนึ่งและปลายข้าว

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.