นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ได้ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลนำรูปแบบการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร โดยใช้วิธีประกันราคาสินค้ามาใช้แทนการรับจำนำ เนื่องจากระบบประกันราคาบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้มากกว่า โดยได้แจ้งนายกฯว่า รัฐบาลควรนำเรื่องนี้มาใช้โดยเร็ว เริ่มตั้งแต่ฤดูการผลิตข้าวนาปีของปีนี้ แต่หากจะมีการทำโครงการจำนำแบบเดิม ก็ต้องไม่สูงกว่าราคาตลาด เบื้องต้นนายกฯเห็นด้วย เพราะโดยส่วนตัวนายกฯก็ไม่เห็นด้วยกับโครงการรับจำนำอยู่แล้ว

นายนิพนธ์กล่าวว่า รูปแบบการประกันราคา เพื่อช่วยให้เกษตรกรทั่วประเทศที่มีกว่า 3 ล้านคน รัฐบาลควรกำหนดปริมาณผลผลิตที่จะเข้าโครงการไม่เกินรายละ 10 ตัน เป็นปริมาณผลผลิตของกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่ผลิตได้ หากคำนวณงบประมาณที่จะใช้ในโครงการนี้จะไม่เกิน 2.5 หมื่นล้านบาท ดีกว่าการรับจำนำ

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดการข้าวฤดูกาลนาปี 2552/2553 คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้มอบหมายให้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ไปพิจารณาหลักเกณฑ์การรับจำนำเพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ และนำมาเสนอที่ประชุม กขช.ใน 2 สัปดาห์หน้า โดยจะใช้หลักการประกันรายได้ขั้นต่ำผ่านการรับจำนำ แต่ตั้งราคารับจำนำต่ำกว่าราคาตลาด โดยคำนวณจากต้นทุนเพาะปลูกบวกกำไร 20-30% คงต้องเลิกวิธีการตั้งโต๊ะและรับจำนำราคาสูง จนเกิดภาวะล้นสต๊อค

นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 กรกฎาคมนี้ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์การระบายสินค้าเกษตร จะเสนอขอมติให้ระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยไม่ต้องรอการตรวจสอบคุณภาพครบทุกโกดังตามมติ ครม.เดิม เพื่อให้ทันกับแผนยุทธศาสตร์ระบายข้าวโพดที่กำหนดให้เสร็จในเดือนกรกฎาคมนี้ และการออกตรวจสอบเบื้องต้นพบข้าวโพดที่เสื่อมสภาพมาก หากประมูลแล้วโกดังใดมีราคาต่ำก็จะตรวจสอบและหาสาเหตุว่าเพราะอะไร และเจ้าของโกดังนั้นต้องรับผิดชอบความเสียหายในฐานะผู้เก็บรักษา รวมถึงตรวจสอบผลการอนุมัติคุณภาพของบริษัทตรวจสอบคุณภาพด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การประมูลครั้งใหม่หากได้ราคาต่ำกว่าครั้งก่อนที่ถูกระงับใครจะรับผิดชอบ นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า หากได้ต่ำกว่าการประมูลรอบแรก ก็ต้องขอย้ำว่าการประมูลรอบแรกไม่ได้บอกว่า เป็นการประมูลที่ผิดพลาด แต่อาจทำไม่ถูกขั้นตอน เป็นเรื่องที่ต้องท้วงติง เพราะไม่ถูกระเบียบ แต่การประมูลครั้งนี้จะมี ครม.รับผิดชอบ เพราะการจะตกลงขายให้รายใดต้องให้ ครม.เห็นชอบก่อน ครั้งนี้ก็ไม่ได้ห้ามในประเทศประมูล แต่อาจระบายให้ไม่มาก ต้องการส่งออกมากกว่า

ที่มา มติชน