แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาเร่งระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ที่มีอยู่ประมาณ 6 ล้านตัน เพื่อส่งออกเป็นระยะๆ ตามความเหมาะสม ไม่เกินครั้งละ 300,000-400,000 ตัน และระบายผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) อีก 1-1.5 ล้านตัน หากรัฐไม่เร่งระบายข้าวออก อาจเสียโอกาสขายข้าวในช่วงที่ราคาข้าวที่สูงขึ้นได้
สาเหตุที่ต้องเร่งระบายข้าวสต็อกรัฐออกสู่ตลาด เพื่อลดภาวะความตึงตัว อันเกิดจากปัญหาผู้ส่งออกหาซื้อข้าวในท้องตลาดไม่ได้ เนื่องจากมีการเก็บข้าวไว้เพื่อรอเก็งกำไร จากภาวะตลาดที่มีทิศทางราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยข้าวส่วนหนึ่งอยู่ในมือโรงสี ชาวนา โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานที่มียุ้งฉางเก็บไว้ ทำให้ข้าวหอมมะลิ เป็นข้าวที่มีภาวะตึงตัวสูงสุด และข้าวบางส่วนถูกเก็บไว้เก็งกำไร จากกลุ่มแพทย์ ทนายความ ซึ่งจะซื้อข้าวจากชาวนาไว้ในราคาปัจจุบันและแบกรับความเสี่ยงเก็บข้าวไว้ จนกว่าจะได้ราคาที่พอใจก่อนจะขายต่อไป
ทั้งนี้ ราคาข้าวในประเทศขาว 100% ชั้น 2 เมื่อต้นเดือนธ.ค. อยู่ที่ตันละ 19,000-19,100 บาท จากต้นเดือนพ.ย. ที่ตันละ 16,250-16,750 บาท ข้าวขาว 5% ตันละ 18,100 บาท จาก 17,000 บาท และคาดว่าจนถึงสิ้นเดือนธ.ค. นี้ น่าขึ้นไประดับที่ตันละเกือบ 20,000 บาท ซึ่งมีสาเหตุจากภัยธรรมชาติทำให้ผู้ผลิตข้าวหลายประเทศมีผลผลิตลดลง
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ราคาข้าวที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีการเก็งกำไรราคาข้าวจริง ซึ่งกรมฯ จะจับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบกับราคาข้าวในประเทศได้ โดยขณะนี้ข้าวกว่า 80% ไม่ได้อยู่ในมือเกษตรกร อีก 20 ที่เหลือเกษตรกรเก็บในยุ้งฉาง ดังนั้น จากนี้ไปข้าวราคาจะขึ้นหรือลง เกษตรกรจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ผู้ค้าที่ซื้อข้าวไว้จะต้องจับตาราคาข้าวว่าจะขึ้นหรือลงมากกว่า
“ขณะนี้รัฐบาลมีข้าวอยู่ในมือกว่า 6 ล้านตัน หากมีการกว้านซื้อข้าวเพื่อเก็งกำไรเกินไป หรือกักตุนข้าวจนกระทบผู้บริโภค และตลาดในประเทศเสียหาย รัฐก็จำเป็นต้องระบายสต็อก หรืออาจต้องทบทวนแผนการผลิตข้าวถุงบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน” นางสาวชุติมา กล่าว
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบระบายข้าวโพด 338,194.65 ตัน หมดสต็อก โดยขายให้ผู้เสนอซื้อส่งออก 2 ราย ราคาเฉลี่ยตันละ 4,741 บาท และ 4,443 บาท มูลค่ารวม 1,590.53 ล้านบาท ขาดทุนจากราคารับจำนำ 1,284.02 ล้านบาท เสนอ ครม.วันที่ 15 ธ.ค. นี้
ทั้งนี้ เมื่อรวมการขายข้าวโพดครั้งนี้ กับทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมา มีปริมาณทั้งสิ้น 991,849.33 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 4,575.33 ล้านบาท ขาดทุนรวม 4,955.81 ล้านบาท แบ่งเป็นขาดทุนจากราคารับจำนำ 3,855.81 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ 1,100 ล้านบาท
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|