นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ได้ทำหนังสือถึงไทยขอลดการเจรจาซื้อข้าวแบบเจรจารัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับไทย จากเดิมตกลงไว้ 1 ล้านตัน เหลือ 2 แสนตัน ว่า ฝ่ายไทยยังไม่รับข้อเสนอดังกล่าว คงต้องเปิดเจรจากัน หลังประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียนซัมมิท) ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้ ที่ชะอำ ผ่านพ้นไปแล้ว พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าศึกษาผลกระทบการรับหรือไม่รับการเปิดเสรีการค้าสินค้าบางชนิดที่ไทยไม่มีความพร้อมเปิดเสรีในปี 2553 และอาจต้องตอบโต้หากประเทศสมาชิกไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือเจรจาแลกเปลี่ยนทางการค้าใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ฟิลิปปินส์ก็เสนอลดภาษี 5% ให้ไทยกับการเปิดเสรีในปีหน้าแต่กำหนดโควต้า 5 หมื่นตันเท่านั้น ยังเป็นประเด็นที่ต้องเปิดเจรจากันต่อไป

นางพรทิวากล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้เลื่อนการประชุมจากวันที่ 14 ตุลาคม ไปเป็นวันที่ 21 ตุลาคมแทน ซึ่งไม่กระทบต่อโครงการประกันราคาข้าว เพราะเป็นเพียงการเห็นชอบการใช้มาตรการเสริมที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งหลังจากรัฐบาลเปิดโครงการประกันราคาข้าวเปลือกนาปี 2552/53 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีเกษตรกรเข้าโครงการน้อยมาก โดยหลังจากที่เกษตรกรผ่านการประชาคมในการขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กลับตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบประชาคมซ้ำอีก ทำให้การขึ้นทะเบียนล่าช้า และชาวนาจึงไม่ได้ร่วมโครงการ แต่ ครม.ก็ได้ผ่อนผันให้ว่าชาวนารายใดที่ผ่านการประชาคมแล้วก็เข้าร่วมโครงการได้ทันที

นางพรทิวากล่าวว่า สำหรับประเด็นกลุ่มชาวนายื่นหนังสือขอให้รัฐเปิดรับจำนำข้าวเปลือกหลังถูกกดราคารับซื้อนั้น คงต้องหารือนายกรัฐมนตรีก่อน แต่ส่วนตัวเห็นว่าเลยจุดที่จะกลับไปรับจำนำแล้ว แต่คงใช้มาตรการเสริมโดยการรับซื้อเพื่อพยุงราคาไม่เกิน 2 ล้านตัน

ที่มา มติชน