นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังจากประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า กขช.มีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการประกันรายได้เกษตรกร สำหรับผู้ปลูกข้าวปี 2552/2553 รอบที่ 2 (ข้าวนาปรัง) โดยกำหนดราคาประกันข้าวเปลือก 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าปทุมธานี 1 ราคาประกัน 11,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้าพันธุ์ที่ราชการรับรอง ราคาประกัน 10,000 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกัน 9,500 บาทต่อตัน แต่ยังไม่เห็นชอบปริมาณรับประกันต่อครัวเรือน โดยให้เริ่มโครงการประกันตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2553 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เดิมในฤดูกาลนาปี 2552/2553 กำหนดราคาประกันข้าวปทุมธานี 10,000 บาทต่อตัน ข้าวเจ้า 10,000 บาทต่อตัน และข้าวเหนียว 9,500 บาทต่อตัน

นายปราโมทย์ วานิชชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าราคาข้าวพุ่งสูงขึ้น มีสาเหตุหลักจากโรงสีหลายแห่งชะลอการขายข้าวให้กับผู้ส่งออกและหวังเพื่อปั่นราคาหวังเก็งกำไร ว่า ยอมรับว่าโรงสีในประเทศไทยมีกว่า 2 พันแห่ง ก็ต้องมีโรงสีบางแห่งที่เก็บข้าวไว้บ้าง แต่ถามว่าเป็นการกักตุนเพื่อการเก็งกำไรหรือไม่ เขายืนยันว่าไม่ใช่ เพราะวันนี้โรงสีรับนโยบายมาจากรัฐบาลเพื่อให้รับซื้อข้าวจากชาวนา ก็ทำตามนโยบายของรัฐบาล แต่การขายข้าวออกนั้นรัฐบาลไม่สามารถบังคับโรงสีได้ ส่วนโรงสีจะระบายออกเมื่อใดก็ต้องแล้วแต่โรงสีนั้นๆ

“การมาโทษโรงสีเพียงฝ่ายเดียวว่ากักตุนข้าวคงจะไม่ใช่ เพราะวันนี้เราทราบมาว่าผู้ส่งออก มีการกว้านเช่าโกดังเปล่าไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อรอรับซื้อข้าวจากโรงสี และมีการปล่อยข่าวออกมาว่าโรงสีเป็นผู้กักตุนข้าว ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วโรงสีขายข้าวให้ผู้ส่งออกที่ราคา 600 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ผู้ส่งออกคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะปรับสูงขึ้นไปอยู่ที่ 800 ดอลลาร์ต่อตัน หรือผู้ส่งออกเองต้องการให้รัฐบาลปล่อยข้าวในสต็อกออกมา คาดว่าราคาขายจะอยู่ที่ 18.50 บาทต่อกิโลกรัม แต่เชื่อว่าเมื่อผู้ส่งออกขอต่อราคาลง โดยอ้างว่าเป็นข้าวเก่าหรือข้าวด้อยคุณภาพราคาจะอยู่ที่ 17-18 บาทต่อกิโลกรัม แต่จะขายได้ที่ราคา 20-21 บาทต่อกิโลกรัม” นายปราโมทย์ กล่าว

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ