นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ส่งออกข้าวให้ช่วยประสานทางราชการ ในการเร่งรัดการแก้ปัญหาการถูกโจรกรรมข้าวระหว่างการขนย้ายที่ท่าเรือ โดยแต่ละรายจะถูกโจรกรรมไม่น้อยกว่า 100 กระสอบ คิดเป็นเงินก็หลายแสนบาท ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะเชิญตำรวจทางน้ำมาหารือและออกมาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ในปี 2551 เคยเกิดการโจรกรรมข้าวระหว่างการขนย้ายอย่างหนัก เพราะข้าวมีการขยับราคาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และได้ประสานกับตำรวจทางน้ำเพื่อขอให้เพิ่มการตรวจสอบเรือขนสินค้าว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ก็ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง

"ตอนนี้ขบวนการโจรกรรมข้าวกลับมาอีกครั้งและเริ่มมีความรุนแรงขึ้นอีก อาจเพราะสภาพเศรษฐกิจทำให้เกิดขโมยชุกชุมขึ้น และราคาข้าวก็ยังมีราคาสูง แต่การโจรกรรมจำนวนมากเป็น 100 กระสอบยอมเป็นที่สังเกตได้ เพราะปริมาณค่อนข้างสูง แต่เมื่อมีการกระทำผิดทางน้ำ ก็อยากที่จะดูแล ก็ต้องขอความร่วมมือตำรวจน้ำสอดคล้องอีกครั้ง"

นายชูเกียรติกล่าวว่า หากให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จะส่งผลกระทบทั้งจากภาพพจน์การส่งออกข้าวไทย ยังเป็นการสร้างความสูญเสียต่อธุรกิจระดับกลางและย่อม เพราะตอนนี้การส่งออกก็ไม่ได้นัก หากมีการโจรกรรมยอมซ้ำเติมธุรกิจให้แย่ลงอีก

นายชูเกียรติกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การส่งออกข้าว ล่าสุดผู้ส่งออกไทยชนะประมูลขายข้าวสารและข้าวเหนียวกับญี่ปุ่น จำนวน 9 หมื่นตัน ซึ่งเป็นการซื้อข้าวไทยครั้งแรกของญี่ปุ่นหลังหยุดการซื้อมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 โดยรัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดการนำเข้าข้าวจากทั่วโลกในปีนี้ประมาณ 7 แสนตัน คาดว่าเป็นการนำเข้าข้าวจากไทย 2 แสนตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชนะประมูลข้าวในญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นบริษัทผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ อาทิ บริษัทนครหลวงค้าข้าว บริษัทข้าวไชยพร บริษัทเอเชียโกลเดนท์ไรซ์ เพราะสามารถแข่งขันด้านราคาได้และราคาจำหน่ายได้ในราคาตันละประมาณ 570 เหรียญสหรัฐ สำหรับข้าวขาว 100% โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นบริษัทชนะซื้อข้าวรัฐบาลและมีต้นทุนต่ำกว่าบริษัททั่วไป และกำลังมีการผลักดันที่จะเสนอให้รัฐบาลเปิดประมูลข้าวจำนวนที่เหลือ เพื่อการแข่งขันส่งออกในราคาที่ต่ำใกล้เคียงกับประเทศผู้ส่งออกสำคัญ โดยเฉพาะเวียดนาม สหรัฐ และอินเดีย ที่มีราคาต่ำกว่าไทยเกือบ 200 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ที่มา มติชน