นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ประเทศกาตาร์ ได้สั่งซื้อข้าวไทยปริมาณ 200,000 ตัน โดยระบุว่าต้องเป็นข้าวที่ผลิตจากเขตปฏิรูปที่ดินเท่านั้น เนื่องจากเห็นว่าสามารถตรวจสอบ แหล่งเพาะปลูกและกระบวนการผลิตได้ทั้งระบบ
"กาตาร์สั่งซื้อสินค้าที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ ชี้ให้เห็นว่าประเทศผู้นำเข้า ให้ความสำคัญกับมาตรฐานสินค้าเกษตรและความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น สินค้าส่งออกต้องระบุรายละเอียดปริมาณการใช้สารเคมี ฟาร์ม และสถานที่ฟาร์ม ซึ่งการปลูกข้าวในพื้นที่ ส.ป.ก. สามารถทำได้" นายอนันต์ กล่าว
ปัจจุบันเกษตรกรในพื้นที่ปฏิรูป ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีในการเพาะปลูก ซึ่งรวมไปถึงการทำนาที่มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 1 ล้านไร่ เกษตรกรได้เรียนรู้วิธีการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าว ไถกลบตอซัง หรือการระเบิดดินดาน ซึ่งทำให้ลดต้นทุนได้มาก
นอกจากนี้ยังทำให้ต่างชาติที่เป็นประเทศคู่ค้าของประเทศไทย หันมาให้ความสนใจว่า ข้าวที่ผลิตได้เป็นข้าวที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และมีการลดปริมาณการใช้สารเคมี ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบได้ ต่างจากการซื้อข้าวจากโรงสี ที่ไม่ทราบว่าเป็นข้าวที่มาจากแหล่งผลิตใด ทั้งนี้กาตาร์พร้อมสั่งซื้อข้าวไทยจากเกษตรกรโดยตรงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2553 อย่างน้อยปีละ 200,000 ตัน
นายอนันต์ กล่าวว่า ในวันที่ 21 พ.ค. นี้ ส.ป.ก. จะเปิดโครงการส่งออกข้าว เพื่อรองรับการขยายพื้นที่เพาะพันธุ์ข้าว โดยจะจัดตั้งศูนย์ขยายพันธุ์ข้าวใน 4 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และ ร้อยเอ็ด รวมพื้นที่ทั้งหมด 15,000 ไร่ ใช้องค์ความรู้ระบบการผลิตที่ถูกต้องในฟาร์ม (GAP) คือ มีพื้นที่การเพาะปลูกที่เหมาะสม มีการดูแลพืชที่เพาะปลูกถูกวิธี มีการเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวอย่างถูกต้องเป็นหลักในการจัดการ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |