นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังออกตรวจสตอกข้าวสาร ณ โกดังกลางเก็บข้าวสารของรัฐบาลที่รับจำนำมาจากประชาชน ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า การออกตรวจสอบสตอกข้าวครั้งนี้ เป็นไปตามแผนการดำเนินงานปกติที่กรมการค้าภายในต้องดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งปริมาณข้าวและคุณภาพข้าว ประกอบกับได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรและพ่อค้าข้าวว่า บางพื้นที่มีการนำเข้าข้าวคุณภาพต่ำจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสลับเปลี่ยนกับข้าวคุณภาพดีกับข้าวสารในสตอกของรัฐบาล ซึ่งจากการตรวจสอบที่โกดังกลางเก็บข้าวสารที่อำเภอวังน้อย ของบริษัท พี.พี.บิสสิเนส จำกัด จำนวน 4 หลัง ไม่พบการสูญหายของข้าวสาร ปริมาณยังมีครบถ้วนที่ 570,677 กระสอบ ส่วนคุณภาพข้าวจะทราบผลในอีกไม่เกิน 10 วันนับจากนี้ไป
นายยรรยง กล่าวว่า การออกตรวจสตอกข้าวครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพิ่มเติมจากที่คณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานได้ตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่า มีครบทั้งปริมาณและคุณภาพตามที่ได้รับจำนำไว้จากเกษตรกร เพราะหากมีการขาดหายไป ก็จะเกิดความเสียหายต่อรัฐบาล และหากมีการนำข้าวคุณภาพต่ำมาสลับเปลี่ยนกับข่าวสารคุณภาพดีก็จะส่งผลกระทบต่อมาตรฐานข้าวของไทยได้ อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวนาปรังของรัฐบาลสิ้นสุดไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับจำนำข้าวในส่วนของเกษตรกรภาคใต้ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้
โดยขณะนี้รัฐบาลมีข่าวเปลือกนาปรังในสตอกแล้ว 5.14 ล้านตัน และเมื่อการรับจำนำจากเกษตรกรภาคใต้สิ้นสุดลง จะทำให้ยอดสตอกข้าวเปลือกของรัฐบาลเพิ่มเป็นประมาณ 5.2 ล้านตัน เมื่อนำไปสีเป็นข้าวสารจะได้ข้าวสารประมาณ 2 ล้านตัน และเมื่อรวมกับข้าวสารในสตอกที่รัฐบาลมีอยู่แล้วอีก 4 ล้านตัน จะทำให้รัฐบาลมีข้าวสารในสตอกรวมทั้งสิ้นประมาณ 6 ล้านตัน ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 4 ล้านตันเป็นข้าวสารในสตอกของภาคเอกชน
นายยรรยง กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กรมศุลกากรแจ้งมาว่า ได้จับกุมการลักลอบนำเข้าข้าวเปลือกและข้าวสารจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีคุณภาพต่ำกว่าข้าวของชาวนาไทยเข้ามาแล้วหลายจังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว มีจับกุมการลักลอบนำเข้าข้าวเปลือกได้ 1,630 ตัน ข้าวสาร 24 ตัน จังหวัดตาก มีการลักลอบนำเข้าข้าวสาร 5.2 ตัน นอกจากนี้ยังพบปัญหาดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ลพบุรี และนครสวรรค์ เป็นต้น ซึ่งข้าวคุณภาพต่ำเหล่านี้เมื่อมาปนในระบบกระทบต่อคุณภาพข้าวไทยให้ต่ำลง ทำให้พ่อค้าส่งออกข้าวได้รับผลกระทบและมีการแจ้งให้กรมการค้าภายในทราบ และหากมีการนำข้าวคุณภาพต่ำเหล่านี้มาเปลี่ยนกับข้าวในสตอกของรัฐบาลก็จะส่งผลกระทบกับคุณภาพข้าวในสตอกของรัฐบาลเช่นกันเพราะเมื่อเปิดประมูลขายจะได้ราคาที่ต่ำลงตามคุณภาพข้าวที่ถูกปลอมปน
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า ข้าวส่งออกของไทยมีราคาสูงกว่าข้าวส่งออกของเวียดนามค่อนข้างมากกว่าเรื่องดังกล่าว เป็นเพราะคุณภาพข้าวส่งออกของไทยมีคุณภาพที่สูงกว่า โดยเป็นข้าว 5% ในขณะที่ข้าวของเวียดนามเป็นข้าวขาว 25% ราคาย่อมต่ำกว่าตามคุณภาพ ดังนั้นเรื่องที่ราคาข้าวไทยขายราคาสูงกว่าเพราะมีคุณภาพที่ดีกว่า โดยข่าวที่ออกมาเป็นการปล่อยข่าวหวังกดราคาข้าวในประเทศของบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น
ที่มา สำนักข่าวไทย |