นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) นัดแรก ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 18 กุมภาพันธ์ กระทรวงพาณิชย์เตรียมนำเรื่องการกำหนดราคา ปริมาณ และระยะเวลารับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2552 โดยเฉพาะขณะนี้มีการนำพันธุ์ข้าวหอมดอกมะลิ 105 ไปปลูกในพื้นที่ภาคกลางและเกษตรกร จ.นครสวรรค์ ขอปรับชนิดและราคาเท่าข้าวหอมมะลิ แต่การจะให้ข้าวหอมมะลิในอีสานและภาคกลางราคาเหมือนกันคงยาก โดยอาจกำหนดราคาที่ลดหลั่นกันตันละ 1 พันบาทแทน

"ยืนยันว่ายังไม่มีความคิดเรื่องระบายข้าวในสต๊อค 1.6 ล้านตัน น่าจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อให้กระทบต่อราคาข้าวที่ลดลง ส่วนจะระบายเมื่อไหร่คงยังไม่อาจระบุได้ชัดเจน และไม่อยากให้เป็นช่วงนี้เพราะมีข้าวนาปรังออกสู่ตลาดจะยิ่งกระทบต่อราคาข้าวที่ลดลงได้"

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ภาพรวมส่งออกข้าวในปี 2552 ทั้งปริมาณและราคาอาจไม่ดีเท่าปี 2551 แต่จะใกล้เคียงกับปี 2550 ซึ่งเป็นปีภาวะปกติ โดยปี 2552 คาดว่าจะมีปริมาณส่งออก 8.5-9.5 ล้านตัน และส่งออกขยายตัวในครึ่งปีหลัง หลังวิกฤตเศรษฐกิจคลี่คลายลง และหลายประเทศผลผลิตเสียหายจากภัยแล้งที่รุนแรงขึ้น ทำให้อาจมีการชะลอการส่งออกอีกครั้ง ส่วนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 530-540 เหรียญ/ตัน โดยปีนี้ทั้งปีจะมีการจัดคณะโปรโมตข้าวไทยทั้งการรักษาตลาดเก่าและเจาะตลาดใหม่ ซึ่งต้นเดือนมีนาคมนี้จะเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อร่วมงานแสดงสินค้าอาหารของญี่ปุ่นและพบผู้นำเข้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น เพื่อหารือประเด็นการเปิดประมูลนำเข้าและกำหนดโควต้านำเข้าข้าวหักเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมและข้าวหอมมะลิเพื่อจำหน่ายในร้านอาหาร ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีการนำเข้าข้าวจากไทยปีละกว่า 2 แสนตัน

"สถานการณ์ส่งออกข้าวปีนี้ไม่ง่ายนัก ไม่ไหลมาเทมาอย่างปีก่อนซึ่งเป็นปีผิดปกติ ราคาข้าวไทยจึงสูงถึงพันกว่าเหรียญ แต่ตอนนี้เรายังเสียเปรียบในเรื่องราคาสูงกว่าเวียดนามกว่า 100 เหรียญ และหากอินเดียหรือหลายประเทศกลับมาส่งออกอีก จะทำให้ตลาดยิ่งแข่งขันรุนแรงในเรื่องราคา ตอนนี้ต้องจับตาในเรื่องภัยแล้งในจีน ออสเตรเลีย และมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ อาจกระทบต่อปริมาณข้าวโลกตึงตัวอีกครั้ง" นางอภิรดีกล่าว

ที่มา มติชน