www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ศึกชิงเค้กส่งออกข้าว 8.5 ล้านตัน "นครหลวง"งัดกลยุทธ์ข้าวถุงคว้าที่ 1 ทั้งในนอกปท.


นายวัลลภ พิชญ์พงศ์ศา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด ในเครือ STC Group ผู้ส่งออกข้าวเบอร์หนึ่งของไทย กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวในปี 2552 ของไทยคาดว่าจะมีปริมาณการส่งออกลดลงเหลือ 8.5 ล้านตัน จากปีก่อนที่ส่งออกได้ 10 ล้านตัน ในด้านมูลค่าคาดว่า จะปรับลดลงเช่นเดียวกัน เนื่องจากปีก่อนถือเป็นปีที่สินค้าเกษตรทุกชนิดมีราคาสูงขึ้น รวมถึงข้าวด้วย ต่างได้รับแรงดึงจากระดับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจนทำให้มีการแย่งชิงพื้นที่ปลูกพืชอาหารและพืชพลังงาน

ปีนี้การแข่งขันในตลาดข้าวคงรุนแรง สถานการณ์เหมือนกับเค้กที่มีขนาดเล็กลง ซึ่งเราจะต้องพยายามรักษาขนาดเค้กของเรา หมายถึงการคงส่วนแบ่งการตลาดให้ได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยบริษัทนครหลวงค้าข้าวจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ราว 1.8% ของปริมาณการส่งออกข้าวทั้งหมด 10 ล้านตัน หรือประมาณ 1.8 ล้านตัน ปีนี้เรายังรักษาส่วนแบ่งการตลาด

นี้ไว้ได้ อาจจะมีการส่งออกได้ 1.5 ล้านตัน จากปริมาณการส่งออกทั้งหมดที่น่าจะเหลือเพียง 8.5 ล้านตัน แม้ว่าในแง่ปริมาณอาจจะลดลง แต่เป็นการทรงตัวจากปีที่ผ่านมา ในด้านราคาลดลงจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีฐานราคาสูงผิดปกติ

นายวัลลภมองว่า จุดเสี่ยงของการส่งออกในปีนี้ยังคงเกิดจากปริมาณความต้องการบริโภคและปริมาณความต้องการขาย (ดีมานด์และซัพพลาย) เพราะเป็นที่ทราบดีว่าประเทศผู้เคยนำเข้าข้าวหลายรายได้พยายามหันมาผลิตข้าวเองเพื่อลดปริมาณการนำเข้า และยังคาดหวังไปถึงว่าจะเหลือข้าวเพื่อการส่งออก เช่น อินโดนีเซีย ส่วนปริมาณข้าวในประเทศ

ผู้ผลิตเดิมก็เพิ่มขึ้น เพราะราคาข้าวในปีที่ผ่านมาเป็นแรงจูงใจให้หันมาเพิ่มผลผลิต จึงมีสัญญาณว่าสต๊อกข้าวจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ขณะที่ประเทศคู่แข่งสำคัญของไทย โดยเฉพาะเวียดนาม ได้ดำเนินนโยบายขายข้าวราคา "ต่ำกว่า" ไทยประมาณ 100-200 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นแรงกดดันสำคัญของไทย อาทิ ฟิลิปปินส์ ตลาดนำเข้าข้าวจากไทยและเป็นลูกค้าของบริษัท กลับหันไปทำสัญญาซื้อข้าวจากเวียดนามเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาถูกกว่า ตลาดนี้อาจจะลดลง นอกจากนี้ อินเดียก็มีแนวโน้มจะเริ่มส่งออกข้าวอีกครั้งในช่วงหลังจากการเลือกตั้งเดือนมีนาคม-เมษายนนี้ "ซึ่งอาจจะทำให้ภาวะตลาดอ่อนตัวลงอีก"

ในด้านตลาด นอกจากฟิลิปปินส์-อินโด นีเซียแล้ว ยังมีตลาดแอฟริกา-ตะวันออก กลาง โดยเฉพาะอิรัก ที่มีแนวโน้มที่ดี เพียงแต่ต้องการสินค้าราคาไม่สูงมากนัก ส่วนอิหร่านยังเป็นตลาดที่ประสบปัญหาด้านระบบการชำระเงินอยู่

นายวัลลภกล่าวว่า กลยุทธ์ของบริษัทในการแย่งชิงเค้กขนาดเล็ก ก็คือ 1)บริษัท จะหันไปลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น 2)บริษัทต้องหันไปดูแลในส่วนของผู้บริโภคที่เหลืออยู่ โดยการปรับช่องทางการตลาดในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น โดยพบว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะหันไปซื้อข้าวบรรจุถุงขนาดเล็กลง 1-2 ก.ก.มากขึ้น จากเดิมที่การส่งออกจะเน้นผลิตข้าวไซซ์ใหญ่ 50 ก.ก. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน ดังนั้นการปรับเพิ่มสัดส่วนข้าวบรรจุถุงขนาดเล็กให้มากขึ้น จะต้องทำควบคู่กับการกระจายสินค้าให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น

ส่วนข้อเสนอแนะที่มีต่อภาครัฐบาล เห็นว่ารัฐบาลควรบริหารจัดการสต๊อกข้าวให้ดี เพราะปีนี้รัฐบาลจะมีสต๊อกข้าวเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีผลผลิตข้าวไหลเข้าโครงการรับจำนำข้าวนาปีปี 2551/ 52 มากขึ้น หากปล่อยระบายสต๊อกข้าวทั้งหมดในประเทศ อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาส่งออก จึงควรมีนโยบายด้านการค้าระบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ด้วย ขณะเดียวกันต้องดูแลนโยบายการแทรกแซงราคาข้าวนาปรังปี 2552 ไม่ควรกำหนดราคาจำนำสูงเท่ากับนาปรัง 2551 ที่ตั้งราคาถึง 15,000 บาท/ตัน เพราะอาจจะบิดเบือนกลไกตลาด จึงต้องดูราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตและให้เกษตรกรอยู่ได้

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.