นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสั่งให้นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำหนังสือสั่งยกเลิกการประมูลข้าว 2.6 ล้านตัน ว่า ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี โดยรายละเอียดในเรื่องข้าวเป็นเรื่องที่กระทรวงพาณิชย์ ต้องไปบริหารให้เป็นไปตามมติ ครม. โดยต้องไปดูว่า ขั้นตอนการประมูลนั้นทำในช่วงใด อย่างไร แล้วมติ ครม.ออกมาเมื่อใด
ต่อกรณีที่นางพรทิวา ระบุว่า เป็นคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ให้ล้มการประมูลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมก็บอกว่าต้องปฏิบัติตามมติ ครม. ส่วนการปฏิบัติตามมติ ครม.จะต้องทำอะไรบ้าง อยู่ที่รายละเอียดที่กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการไปในช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา”
เมื่อถามว่าขณะนี้ภาคเอกชนที่ประมูลข้าวเกิดความสับสน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 19 มิ.ย.หรือ 23 มิ.ย.นี้ ตนจะพบกับภาคเอกชนเพื่อทำความเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ก่อนหน้าที่จะพบกับภาคเอกชน จะให้กระทรวงพาณิชย์รายงานขึ้นมาว่า ได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง ในช่วงที่มีการออกมติ ครม. และผลเป็นอย่างไร ถ้ามีปัญหาแล้วจะแก้ไขอย่างไร อย่างไรก็ตามจะให้เดินหน้าเฉพาะเอกชนที่จ่ายเงินแล้วใช่หรือไม่นั้น คิดว่าการเดินหน้าต้องเดินตามสัญญาที่ทำขึ้น และไม่ขัดกับมติ ครม.
ส่วนกรณีที่ภาคเอกชนที่ชนะการประมูลบางราย เตรียมยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐที่ออกคำสั่งล้มการประมูลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาขอมาพบ ก็จะมาพูดคุยกันก่อน ซึ่งโดยหลักแล้วต้องดูว่า ปฏิบัติตามมติ ครม.หรือไม่ ถ้าภาคเอกชนทำสัญญาโดยสุจริต เราต้องเคารพสิทธิของเขา
ต่อกรณีดูเหมือนว่ากระทรวงพาณิชย์โยนภาระความรับผิดชอบมาให้นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ไม่หรอกครับ เรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ และ ครม.ที่มีการกำหนด ตกลงแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศ ในเรื่องผลกระทบต่อตลาดข้าว และลดความสูญเสียของรัฐ ดังนั้น เรื่องนี้ก็ต้องเดินต่ออย่างนี้”
“พรทิวา” ชี้พร้อมเลิกประมูลตามนายกฯ
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกรณีนายกฯ มีคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์ยกเลิกการประมูลขายข้าวภาครัฐ 2.6 ล้านตัน ซึ่งมีเอกชน 17 ราย ชนะการประมูลไปก่อนหน้านี้ ว่า ได้ทำหนังสือถึงองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ให้ไปดำเนินการยกเลิกการขายข้าวล็อตนี้ ส่วนสัญญาขึ้นอยู่กับทั้ง 2 หน่วยงานจะไปดำเนินการ
นางพรทิวา ยืนยันว่า การเปิดประมูลข้าวรัฐ 2.6 ล้านตัน ได้พิจารณาต่อรองกับเอกชน 17 ราย ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบราชการ ที่สำคัญดำเนินการ ก่อนมีมติ ครม.ที่ให้นำกลับไปทบทวน แต่เมื่อนายกฯ ไม่สบายใจและสั่งการให้ยกเลิกการประมูลข้าว กระทรวงพาณิชย์ก็จะดำเนินการ
ส่วนที่ภาคเอกชนจะฟ้องร้องหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต่ละราย คนรับผิดชอบก็คือนายกฯ และไม่ถือว่าเสียหน้าแต่อย่างใด เพราะยืนยันมาตลอดว่ากระทรวงพาณิชย์ทำตามหลักเกณฑ์อย่างถูกต้อง แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาต้องการให้ยกเลิกก็พร้อมปฏิบัติตาม
ส่วนกรณีเอกชนบางรายที่ชนะการประมูลและนำข้าวออกจากโกดังในบางพื้นที่นั้น นางพรทิวา กล่าวว่า ได้ให้ อคส.และ อ.ต.ก.ซึ่งเป็นคู่สัญญาดำเนินการ แต่จะขนกลับมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคู่สัญญา
ภท.ปูดนายกฯ กดดันผ่าน “สุเทพ-นิพนธ์”
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นางพรทิวา ทำหนังสือแจ้ง อคส.และ อ.ต.ก.เพื่อยกเลิกประมูลขายข้าวว่า เนื่องจากที่ผ่านมานาง
พรทิวาถูกแรงกดดันมาตลอด โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ ที่มีแนวคิดจะให้กระทรวงพาณิชย์ยกเลิกการประมูลข้าว โดยได้สั่งทางวาจาผ่านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งกระทรวงพาณิชย์ให้ยกเลิกประมูลข้าว จึงเป็นเหตุทำให้นางพรทิวา ต้องทำหนังสือยกเลิกการประมูลไปตามคำบัญชาของนายกรัฐมนตรี
“เขากดดันเรามาตลอดเกี่ยวกับการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ แต่การขอร้องให้ยกเลิกประมูลเรายอมได้ แต่ต้องไม่ใช่ยอมเพราะกระทรวงพาณิชย์ทำผิด ที่ผ่านมาได้ตรวจเช็คข้อมูลแล้ว นางพรทิวา ไม่ได้ทำผิดอะไร หรือขัดมติ ครม.อย่างที่นายกฯ ตั้งข้อสังเกต ตอนแรกบอกให้ระบายข้าวในสต็อก แต่พอเปิดประมูลเซ็นสัญญาไปกลับบอกว่าทำผิดมติ ครม.เลยไม่รู้ว่านายกฯ ต้องการอะไร” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่าการเปิดประมูลขายข้าวในสต็อก กระทรวงพาณิชย์โดยนางพรทิวา มีอำนาจที่ดำเนินการได้ ซึ่งก็เป็นคณะอนุกรรมการที่นายกฯ ตั้งขึ้นมา การประชุม ครม.เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2552 ที่ประชุมก็อนุมัติและรับทราบเกี่ยวกับการระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และยังมอบให้กระทรวงพาณิชย์ ไปพิจารณากำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ในการระบายสินค้าการเกษตรต่างๆ โดยเฉพาะข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง แล้วให้นำเสนอ ครม. พิจารณาโดยด่วน
เมื่อมาถึงตอนนี้กลับบอกไม่ให้ขาย แต่อยากให้ยกเลิกการประมูลข้าว “ทำอย่างนี้กดดันกันมากเกินไป สงสัยผู้ใหญ่ในรัฐบาลนี้กลัวพรรคภูมิใจไทยมีเงินไปตั้งพรรคได้เร็ว เลยไม่เห็นด้วยสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ ตอนนี้พวกเราคงไม่ใช่ หมาป่ากับลูกแกะแล้ว แต่มันกำลังเป็นหมาป่ากับลูกไก่ที่คิดว่าพวกเราหนีไม่ออก ชอบเบรกการทำงานตอนจบ สงสัยอยากเป็นพระเอก เรื่องนี้พรรคก็ต้องมีการหารือกัน หากยังอยู่ร่วมรัฐบาลแล้วมีปัญหาอย่างนี้มันคงลำบาก” แหล่งข่าว ระบุ
“สมศักดิ์”สายตรงพรทิวาเปิดข้อมูลสังคม
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้มีการติดต่อสอบถามเรื่องดังกล่าวจากนางพรทิวามาตลอด พร้อมให้กำลังใจว่าต้องสู้และเปิดเผยความจริงในสิ่งที่ทำไป อย่าไปยอมรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้ทำ โดยเฉพาะการยกเลิกประมูลข้าว ถ้าจะยกเลิกก็ต้องบอกสังคมว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งยกเลิก
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ยังได้บอกกับนางพรทิวา ว่าขอให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปอย่าคิดน้อยใจลาออก อยู่ไปแล้วค่อยๆ นำข้อเท็จจริงออกมาเปิดเผยสังคม “ถ้านายกฯ ต้องการกระทรวงพาณิชย์คืนก็ขอให้บอกมา น่าจะพูดกันตรงๆ ไม่ใช่คอยขัดขาอย่างนี้ การอยู่ร่วมกันต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษ ส่วนพรรคภูใจไทยเองก็ควรจะได้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี หากอยู่แล้วมีปัญหาก็จะได้รู้ว่านายกฯ เมืองไทยเป็นอย่างไร” แหล่งข่าว อ้างคำพูดนายสมศักดิ์
ที่ผ่านมานายสมศักดิ์ ได้หารือส่วนตัวกับนายสุเทพในเรื่องดังกล่าว นายสุเทพบอกว่า “เรื่องที่เกิดขึ้น คุยกับคนในพรรคไม่รู้เรื่องโดยเฉพาะผู้ที่ใกล้ชิดนายกฯ เลยทำให้ทุกอย่างมีปัญหา”
“อคส.” เรียก 17 รายกล่อมเลิกสัญญา
นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า วันนี้ (19 มิ.ย.) อคส.ได้เชิญผู้ชนะการประมูลซื้อข้าวจากรัฐบาลจำนวน 17 ราย มารับฟังการชี้แจงสาเหตุที่มีการระงับการขนข้าวออกจากโกดัง และการยกเลิกการประมูลทั้งหมด ตามคำสั่งของนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ โดยจะมีการเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องสัญญาซื้อขายข้าว ระหว่าง อคส.กับเอกชน และขอให้ยินยอมยกเลิกสัญญาระหว่าง 2 ฝ่าย และหาทางออกกรณีข้าวค้างสต็อกที่เอกชนได้ชำระค่าข้าวแล้ว ว่า จะต้องดำเนินการอย่างไร เพราะตามสัญญาข้อ 12 ระบุไว้ชัดเจน ว่า ข้าวที่ชำระเงินแล้วถือเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อ
ทั้งนี้ หากเอกชนขอคืนเงินชำระค่าข้าว ขอถอนเงินค้ำประกันค่าข้าว 5% มูลค่าข้าวที่ชนะการประมูล หรือไม่ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งของ รมว.พาณิชย์โดยอ้างกรรมสิทธิ์ตามสัญญา หรืออาจจะมีการฟ้องร้อง ก็จะนำผลการหารือและข้อเสนอของภาคเอกชนให้ รมว.พาณิชย์พิจารณาเพื่อสั่งการต่อไป
เอกชนขนข้าวแล้ว 1.37 แสนตัน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.2552 หลังจากที่ได้อนุมัติการขายข้าว ได้มีเอกชนมาชำระเงินค่าข้าวในส่วนโกดังของ อคส.แล้วประมาณ 1 แสนตัน จากทั้งหมด 2.4 แสนตัน ที่เหลือเป็นข้าวในส่วนของ อ.ต.ก.จากปริมาณที่อนุมัติขายไปกว่า 2 ล้านตัน โดยในจำนวนนี้มีการรับมอบข้าวไปแล้ว 3.7 หมื่นตัน หรือ 1 ใน 3 ของปริมาณข้าวที่ชำระเงินแล้ว และที่ยังค้างรับมอบอีก 6.3 หมื่นตัน
นายยงยศ กล่าวว่า กรณีที่ปล่อยให้มีการขนย้ายข้าวออกจากโกดัง เพราะ อคส.ต้องปฏิบัติตามสัญญา โดยเอกชนที่ชนะการประมูลได้มีการเร่งรัดเข้ามาโดยตลอด และเมื่อมีการหารือกับฝ่ายกฎหมายก็พบว่า อคส.ต้องทำตามสัญญา
“ผมเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งรักษาการ ผอ.อคส. เพียงแค่ 4 วัน ก็หารือกับฝ่ายกฎหมายว่าจะทำอย่างไร ปรากฏว่า อคส.ต้องทำตามสัญญา เพราะก่อนหน้านี้ ก็เคยระงับการส่งมอบข้าวที่ได้รับชำระเงินไว้แล้ว จึงได้ขอให้ปฏิบัติตามสัญญา แต่พอมีคำสั่งห้ามมา ผมก็ระงับอีก ต้องทำตามคำสั่ง ส่วนจะผิดสัญญากับเอกชน และคู่สัญญาจะฟ้องหรือไม่ก็เป็นสิทธิของเอกชน” นายยงยศ กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า หนังสือที่ อคส.แจ้งให้ผู้ส่งออกมาทำสัญญาลงนาม 12 พ.ค. มีสาระสำคัญ ให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวภายใน 10 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือหรือมีระยะเวลาซื้อขายและชำระเงินถึงวันที่ 21 พ.ค. โดยเงื่อนไขว่าหากไม่มาดำเนินการเซ็นสัญญาตามกำหนดจะมีความผิดกับ อคส.และถูกขึ้นบัญชีดำ ซึ่งมีผลต่อการเข้าร่วมประมูลซื้อสินค้ากับรัฐในอนาคต ซึ่งมติ ครม.ที่ได้สั่งให้ชะลอการระบายข้าวดังกล่าว นั้น เป็นมติของวันที่ 13 พ.ค.2552
“พงษ์ลาภ”กลับลำเลิกฟ้องร้องรัฐ
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า กำลังตรวจสอบตัวเลขปริมาณข้าว ที่ทยอยขนจากคลังสินค้า อคส.ว่า ครบตามจำนวนที่บริษัทได้จ่ายเงินแล้วหรือไม่ หากไม่ครบ ก็จะยืนยันกับ อคส. ว่าจะต้องขอขนข้าวออกให้ครบตามจำนวนที่ได้จ่ายเงินไปแล้ว คาดว่าเหลืออีกไม่มาก และขอเงินค้ำประกัน 5% ของค่าข้าวที่เหลือคืน ซึ่งส่วนนี้พร้อมยกเลิกสัญญา และไม่ติดใจที่จะฟ้องร้อง
ขณะเดียวกัน จะขอหารือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้ประสานขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสัญญาการซื้อข้าวจากรัฐบาล เพราะได้สร้างความเสียหายต่อภาคเอกชนในการขายข้าวออกไปต่างประเทศ เสียภาพพจน์ประเทศ จึงอยากให้รัฐบาลรอบคอบต่อการเปิดประมูลข้าวในครั้งต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายสมพงษ์ได้ยืนยันที่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลมาโดยตลอด
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ อยู่ที่การมองว่ามติ ครม.ที่สั่งห้ามการระบายสินค้าเกษตร จะต้องรายงานให้
ครม. มีส่วนรับผิดชอบ โดยทางนายกรัฐมนตรี ได้ยึดมติ ครม. วันที่ 6 พ.ค. ซึ่งในวันนั้นได้มีการหารือในเรื่องการระบายข้าวจริง แต่ยังไม่ได้มติใดๆ ออกมา และต่อมาวันที่ 13 พ.ค. ถึงได้มีมติ ครม. ออกมา ทำให้กระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่า การเปิดประมูลขายข้าวในวันที่ 6 พ.ค. และได้อนุมัติขายในวันที่ 12 พ.ค. ทำถูกต้อง และไม่ขัดกับมติ ครม.
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |