นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันที่ 19 ตุลาคม กระทรวงพาณิชย์ จะเสนอขอความเห็นชอบ 7 มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปี 2552/53 ในช่วงจัดทำโครงการประกันรายได้เกษตรกร (ประกันราคาสินค้าเกษตร) และเสนอให้พิจารณาใช้มาตรการรับซื้อข้าวเปลือกทันที เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรว่า ขณะนี้ราคาข้าวที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะมีการรับซื้อในราคาและปริมาณเท่าไร ขึ้นอยู่กับมติของ กขช.

นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์ประกันราคาที่มีการเสนอให้ปรับการประกาศราคาอ้างอิงข้าว จาก 15 วัน/รอบ เป็น 30 วัน/รอบ และเสนอให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์การประกันราคาสินค้าเกษตร เพราะยังได้รับการร้องเรียนว่าไม่เข้าใจ และเข้าถึงโครงการประกันราคาได้อย่างไร

ทั้งนี้ 7 มาตรการ ที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมขอความเห็นชอบต่อ กขช. อาทิ พยุงราคาโดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และสหกรณ์การเกษตร รับซื้อข้าวจำนวนหนึ่งในตลาด ซึ่งเบื้องต้นกำหนดไว้ปริมาณ 2 ล้านตัน ในราคาใกล้เคียงกับราคาประกัน เพิ่มสภาพคล่องให้พ่อค้าข้าวและโรงสีด้วยการปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ 3% รับซื้อข้าวในราคานำตลาด ระบายข้าวผ่านการเจรจาระหว่างรัฐ (จีทูจี) ส่งเสริมการจัดทำยุ้งฉางเก็บข้าวประจำหมู่บ้าน เพื่อลดปริมาณผลผลิตในตลาดพร้อมกัน

แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวระบุว่า ราคาข้าวเปลือกมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง หลังจากเปิดโครงการประกันราคาสินค้าเกษตร พิจารณาจากราคาอ้างอิง ระหว่างวันที่ 16-31 ตุลาคม เทียบราคาอ้างอิงวันที่ 1-15 ตุลาคม ลดลง 4.0-5.1% ซึ่งกลุ่มพ่อค้า โรงสี และผู้ส่งออก ประเมินว่าราคาจะยังลดลงอีก หากไม่เร่งใช้มาตรการเสริมมาพยุงราคา อาจทำเกิดการประท้วงของกลุ่มเกษตรกรในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ กำลังมีความพยายามจะให้รัฐบาลใช้ 2 มาตรฐาน ในการดูแลเสถียรภาพข้าว คือใช้ประกันราคาเฉพาะใน 8 จังหวัดภาคอีสาน เพราะเคยใช้การประกันราคาอยู่แล้ว ส่วนภาคกลางให้ใช้วิธีรับจำนำก่อน จนกว่าเกษตรกรจะเข้าใจและสามารถทำให้ราคาข้าวทรงตัวก่อน

ข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ราคาข้าวตกต่ำเป็นผลมาจากการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่ยังไม่เรียบร้อย โดยมีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียน 2.83 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 76% ของเกษตรกรทั้งหมด ผลผลิต 26.48 ล้านตัน โดยผ่านประชาคมแล้ว 57% หรือ 1.63 ล้านครัวเรือน แต่มีการมาทำสัญญาเพียง 2,960 สัญญา ทำให้มีเกษตรกรที่ได้รับการชดเชยจากภาครัฐมีจำนวนน้อย ขณะที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการชดเชย และไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมโครงการกับรัฐอย่างไร จึงทำให้มีปัญหาถูกพ่อค้ากดราคารับซื้อ

ที่มา มติชน