นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เปิดเผยในการสัมมนาเรื่อง "จับทิศทางราคาข้าว ลดความเสี่ยง เลี่ยงวิกฤติโลก" จัดโดยนิตยสารข้าวไทย ว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ทำให้ข้าวไทยไม่มีความสามารถการแข่งขัน และเป็นตัวเร่งการส่งออกของไทยลดลง จนสูญเสียแชมป์ส่งออกสูงสุดของโลก เพราะโครงการรับจำนำเป็นตัวชี้นำราคาตลาด ซึ่งวิธีการกำหนดราคารับจำนำที่สูงกว่าราคาตลาด ทำให้เกษตรกรเร่งปลูกข้าวจำนวนมาก โดยไม่สนใจคุณภาพเพื่อขายเข้าโกดังของรัฐ ซึ่งทุก 10% ของสต็อกรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ปริมาณการส่งออกลดลง 6% เพราะราคาข้าวไทยสูงกว่าตลาดโลก อันเป็นผลจากการบิดเบือนกลไกตลาด
ทั้งนี้ โครงการรับจำนำ ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหาเสียงของนักการเมือง โดยใช้ชาวนาเป็นข้ออ้าง ซึ่งหากไม่ใช้วิธีรับจำนำ ก็สามารถใช้วิธีอื่นมาดูแลราคาและช่วยเหลือชาวนาแทนได้
"ตัวโครงการรับจำนำเป็นตัวลดการแข่งขัน ทำให้เร่งชะตาการเสียแชมป์ผู้ส่งออกข้าวของไทยในตลาดโลก ซึ่งราคาข้าวไทยที่สูงมากจะทำให้มีการเร่งปลูกข้าวทำให้คุณภาพข้าวลดลง ซึ่งต้องยกเลิกโครงการและกลับเข้าสู่ระบบปกติ" นายนิพนธ์กล่าว
แนวทางการดูแลสินค้าข้าวและการช่วยเหลือชาวนา ทดแทนการรับจำนำ ได้แก่ การประกันความเสี่ยงโดยขายใบประกันที่ระบุราคาที่รัฐกำหนด หากราคาต่ำกว่าที่ระบุไว้ รัฐจ่ายส่วนต่างให้ชาวนา อาทิเช่น ประกันราคาไว้ที่ตันละ 10,000 บาท หากราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 8,000 บาท รัฐจะจ่ายให้ชาวนาตันละ 2,000 บาท ซึ่งวิธีนี้รัฐไม่ต้องเสียงบประมาณจ้างเอกชนเก็บข้าว แต่หากจำนำก็ควรกำหนดราคาเพียง 90-95% ของราคาตลาด เพื่อไม่ให้กลไกตลาดบิดเบือน
นายประสิทธิ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ยอมรับว่าโครงการรับจำนำเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นฤดูกาลไปเท่านั้น หากจะยกเลิกโครงการรับจำนำต้องมีโครงการอื่นมาทดแทนเพื่อดูแลชาวนาได้ ซึ่งสิ่งที่ชาวนาต้องการ คือ รายได้เฉลี่ยที่แท้จริง ที่ควรได้รับไม่ต่ำกว่าตันละ 9,500 บาท หากต่ำกว่านี้ไม่สามารถอยู่รอดได้
"เราประเมินว่า รายได้ที่ ตันละ 9.5 พันบาทเหมาะสม แต่ต้องเป็นเม็ดเงินที่ได้จริงๆ ไม่ใช่ราคารับจำนำที่สูงจริงแต่ติดเงื่อนไขความชื้น และสิ่งปลอมปนจะได้เงินจริงๆ ไม่เท่าไร" นายประสิทธิกล่าว
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สินค้าข้าวของไทยกลไกตลาดไม่แข่งขันอย่างเต็มที่ หากปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดเมื่อราคาตกลงเกษตรกรก็รับไม่ได้
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปัจจุบันราคาข้าวไทยเทียบกับคู่แข่งโดยเฉพาะเวียดนาม สูงกว่ามากเฉลี่ยตันละ 80-90 ดอลลาร์ ทำให้การส่งออกข้าวไทยลดลงประมาณ 70-80% ส่วนแบ่งตลาดถูกคู่แข่งแย่งไป ตลาดข้าวครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีความต้องการลดลง มีการแข่งขันสูง ระดับราคาทรงตัวเฉลี่ยตันละ 500 ดอลลาร์
นายสมศักดิ์ ตังพิทักษ์กุล ประธานกลุ่มโรงสีข้าวเหนียวไทย กล่าวว่า การประมูลข้าวสต็อกรัฐที่มีข้าวเหนียว 9,000 ตัน โดยอนุมัติขายในราคาต่ำมาก เฉลี่ย กก.ละ 8 บาท ทั้งที่ราคารับจำนำ กก.ละ 9 บาท และราคาตลาดอยู่ที่ กก.ละ 14-16 บาท ทำให้รัฐขาดทุนและราคาตลาดปรับตัวลดลง กก.ละ 50 สตางค์ ทางกลุ่มจะยื่นหนังสือให้ รมว.พาณิชย์ยกเลิกการประมูลครั้งนี้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |