www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"อลงกรณ์"ดึงสต็อกข้าว5ล้านตันขาย"รัฐต่อรัฐ"


นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์โดยทีมที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทีมที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กำลังหารือและทำข้อมูลเชิงวิชาการ ร่วมกับทีมที่ปรึกษาด้านการเกษตร ที่รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ในการจัดการสต็อกข้าวของรัฐบาล ที่รวมทั้งสต็อกที่ค้างมาจากฤดูกาลก่อน รวมกับโครงการรับจำนำเข้ามาใหม่คาดว่าจะมีปริมาณทั้งสิ้น 5 ล้านตัน

"ผมเสนอให้ดึงสต็อกข้าวออกจากระบบ ไม่ให้เข้าสู่วงจรการค้าปกติ เพราะหากระบายในตลาดปกติ จะกดดันให้ราคาข้าวตกต่ำลง ที่สำคัญผู้ซื้อตลาดต่างประเทศก็รู้ว่าเรามีสต็อกอยู่ 5 ล้านตัน ก็ไม่ซื้อ รอเราระบายออกมา หวังช้อนซื้อในราคาถูก ซึ่งในการจัดการกับข้าวกองนี้ ต้องรอบคอบ ไม่ให้กลายมาเป็นปัญหาในฤดูกาลหน้าอีก ต้องยอมตัดใจจะขาดทุน ตัดวงจรออกจากตลาด หรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องไม่ให้เป็นภาระในการทุ่มเงินจำนำในระยะยาว ซึ่งรัฐบาลนี้มีนโยบายลดการแทรกแซงลง แต่ยอมรับว่าการตัดสินใจทำอะไรไม่ง่าย เพราะมีหลายคนจ้องจะจัดการกับข้าวกองนี้อยู่" นายอลงกรณ์ กล่าว

ทั้งนี้ วิธีการที่กระทบกับตลาดน้อยที่สุด อาจเป็นการเสนอขายรัฐต่อรัฐ ในตลาดที่ไม่ได้เป็นตลาดหลักของไทย หรืออาจจะขายให้กับองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อนำไปบริจาคต่อให้กับประเทศยากจน

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ในการแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้ระบบจำนำไปก่อน แต่ระยะต่อไปจะเน้นกระจายตลาดมากขึ้น โดยมีตลาดอีกเป็น 100 ประเทศ ที่ไม่ได้เข้าไปทำตลาด

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ยุทธศาสตร์ข้าวของกระทรวงพาณิชย์ จะเน้นให้ผู้ผลิตต้องเป็นผู้ที่สามารถกำหนดราคาข้าวได้เอง ผ่านแผนบริหารจัดการ คือ ไม่เร่งรัดระบายข้าว จนกว่าจะได้ราคาที่เป็นประโยชน์

นอกจากนี้ จะเพิ่มช่องทางระบายข้าวในสต็อกขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ซึ่งเดิมใช้วิธีประมูล ทำให้เกิดข้อครหาเรื่องความโปร่งใส มาเป็นการนำร่องระบายข้าวโดยผ่านกลไกตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพิ่มโอกาสของผู้ส่งออกรายใหม่ๆ และจะดำเนินการค้าแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐจะนำวิธีระบายข้าวแบบจีทูจี มาใช้บริหารสต็อกข้าวรัฐที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 5 ล้านตัน เพราะจะทำให้ข้าวภายในประเทศมีปริมาณลดน้อยลง ส่งผลต่อระดับราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจุบันที่ตลาดรับรู้ว่าไทยมีสต็อกข้าวมากทำให้ราคาไม่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานจะต้องเน้นรายละเอียดประเทศที่จะเข้าไปทำจีทูจี เพราะตลาดจีทูจีที่สำคัญ เช่น อิหร่าน มีปัญหาเรื่องวิธีการชำระเงินผ่านธนาคารพาณิชย์ ตลาดฟิลิปปินส์มีปัญหาเรื่องความโปร่งใสการซื้อขาย คาดว่าตลาดข้าวแบบจีทูจีจะสามารถรองรับข้าวได้ประมาณ 2 -2.5 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเพียงพอที่จะส่งผลต่อระดับราคาข้าวในตลาดให้ปรับสูงขึ้นได้

ส่วนแผนการส่งเสริมผู้ส่งออกรายใหม่ เป็นแนวคิดที่ดีแต่ต้องระบุให้ชัดเจนว่าผู้ส่งออกรายใหม่ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ทั้งนี้ สมาคมฯ ขอเสนอให้รัฐระบายข้าวให้ผู้ส่งออกอย่างทั่วถึง มากกว่าจะสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ เพราะปัญหาทุจริตข้าวขณะนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผู้ส่งออกรายจำนวนไม่กี่ราย ถูกเรียกร้องจากนักการเมืองให้จ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อจะได้รับซื้อข้าวของรัฐ

นอกจากนี้ข้าวที่ตกอยู่ในมือผู้ส่งออกไม่กี่ราย เป็นช่องทางที่จะสร้างปัญหาการนำข้าวเข้ามาหมุนเวียนภายในประเทศ เพราะผู้ส่งออกรายหนึ่งไม่สามารถส่งออกได้ปริมาณมาก เป็นหลายแสนตัน ข้าวส่วนเกินอาจวนเวียนขายภายในประเทศ รอเข้าร่วมการรับจำนำรอบใหม่

นายปราโมทย์ วานิชชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการระบายสต็อกข้าวแบบจีทูจี เพื่อลดแรงกดดันด้านราคาจากตลาดโลก ซึ่งการขายแบบจีทูจีจะไม่กระทบกับราคาข้าวในตลาด เนื่องจากผู้ซื้อรับทราบว่าการขายข้าวลักษณะดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือระหว่างประเทศ ไม่นำมาอ้างอิงราคาซื้อขายข้าว

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.