เทรดเดอร์ เปิดเผยว่า เวียดนามอาจจะบรรลุข้อตกลงขั้นต้นไปแล้วในการขายข้าวจำนวน 300,000-500,000 ตันให้แก่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าข้าวมากที่สุดในโลก และการขายดังกล่าว อาจส่งผลให้ปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 7 ล้านตัน
เทรดเดอร์ กล่าวด้วยว่า ราคาข้าวกำลังปรับตัวร่วงลงในช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวมากที่สุดในแถบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแม่โขง ในขณะที่อุปสงค์ข้าวส่งออกอยู่ในระดับเบาบาง ด้วยเหตุนี้ เวียดนามจึงมีความจำเป็นต้องทำสัญญาขายข้าวขนาดใหญ่ เพื่อช่วยสกัดกั้นการร่วงลงของราคาข้าว
"เราได้ยินว่ามีการบรรลุข้อตกลงขายข้าวในหลักการ ข้าวดังกล่าวอาจเดินทางมาถึงฟิลิปปินส์ในช่วงปลายปีนี้" เทรดเดอร์คนหนึ่งในกรุงมะนิลากล่าว
เทรดเดอร์คนเดิม กล่าวว่า ข้อตกลงนี้กำหนดราคาข้าว 25% ปริมาณ 400,000 ตัน ไว้ที่ราคา 460 ดอลลาร์ต่อตันซีแอนด์เอฟ สำหรับการส่งมอบในเดือน พ.ย.และ ธ.ค.
ในช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เปิดประมูลข้าวครั้งแรกของปีนี้ และได้ซื้อข้าวสารปากีสถานจำนวน 75,000 ตันในราคา 472.72 ดอลลาร์/ตันซีแอนด์เอฟ ซึ่งราคาดังกล่าวถือเป็นราคาเสนอขายต่ำที่สุดในการประมูลครั้งนั้น ส่วนราคาเสนอขายต่ำสุด 2 ลำดับถัดมาเป็นของข้าวไทยที่ระดับ 486.28 ดอลลาร์ และ 487 ดอลลาร์/ตันซีแอนด์เอฟ
เทรดเดอร์บางราย กล่าวว่า ฟิลิปปินส์ใช้รายละเอียด ด้านการกำหนดราคาในการประมูลครั้งนั้น มาเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง เพื่อทำข้อตกลงซื้อข้าวขนาดใหญ่กว่าจากบริษัทวินาฟูด 2 ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
ขณะที่เทรดเดอร์ของบริษัทต่างชาติในโฮจิมินห์ ซิตี้ กล่าวว่า "เวียดนามเสนอราคาประมูลที่สูงในครั้งนั้น เพื่อจะได้ไม่ชนะการประมูล และเปิดโอกาสให้เวียดนามสามารถทำข้อตกลงขายข้าวปริมาณมากยิ่งขึ้นในราคาที่ต่ำลงได้"
ขณะเดียวกัน คณะนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ได้ค้นพบยีนของต้นข้าวที่สามารถดำรงชีพอยู่ในระดับน้ำที่สูงได้ เพิ่มความหวังในการเพิ่มผลผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่ม ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโดยสามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ดี
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |