นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เห็นว่าขณะนี้สถานการณ์และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการระบายข้าวสต็อกรัฐบาล แต่ไม่มีแผนจะระบายเป็นข้าวเปลือก เนื่องจากติดขั้นตอนในทางปฏิบัติ และภาวะตลาดไม่เอื้อให้ระบายข้าวด้วยวิธีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้จะมีการพิจารณาประเด็นการระบายข้าวสต็อกของรัฐ
ก่อนหน้านี้นางพรทิวารับปากกับผู้ส่งออกที่จะระบายข้าวเปลือกให้ผู้ส่งออกใช้ทำข้าวนึ่งส่งตลาดแอฟริกา ขณะนี้ข้าวในสต็อกรัฐมีประมาณ 6 ล้านตัน ซึ่งต้องเร่งหารือ กรมการค้าต่างประเทศ องค์การคลังสินค้า (อคส.) กำหนดแนวทางเริ่มเปิดระบายเมื่อใด และปริมาณเท่าไร
รายงานข่าวแจ้งว่า วงการค้าข้าวมีการประเมินว่า ข้าวในมือรัฐบาลน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6-7 ล้านตันข้าวสาร จากการคำนวณปริมาณข้าวในสต็อกเดิมที่ไม่ได้มีการระบายออกมาเลยหลังจากระงับผลการประมูลข้าว 2.6 ล้านตันไปก่อนหน้านี้ ทำให้ปริมาณสต็อกคงเหลือที่ 4 ล้านตัน รวมกับปริมาณข้าวที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ประมาณ 6 ล้านตันข้าวเปลือกหรือประมาณ 3 ล้านตันข้าวสาร
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรจะระบายข้าวสารออกมาไม่เกิน 4-5 แสนตัน เพราะเป็นปริมาณที่ตลาดรับได้ หากมากกว่านี้อาจกระทบต่อราคาตลาด โดยสถานการณ์ข้าวในตลาดขณะนี้ อยู่ในภาวะตึงตัว โดยเฉพาะข้าวเปลือกที่หาซื้อได้ยากในตลาด เนื่องจากผู้ประกอบการมีการแข่งขันแย่งซื้อข้าวเปลือกในตลาด มาทำเป็นข้าวนึ่งส่งออก ทำให้ข้าวขาวขาดตลาด
“ข้าวในตลาดตึงตัวพอควร เพราะอยู่ระหว่างข้าวนาปรังกับข้าวนาปี ซึ่งผลผลิตของข้าวนาปี จะออกช่วงเดือนพ.ย.ประกอบกับผู้ส่งออกเร่งซื้อข้าวเปลือกไปทำข้าวนึ่ง ทำให้ข้าวในตลาดลดน้อยลง ดังนั้นหากระบายออกมา ก็จะช่วยในเรื่องสภาพคล่องได้พอควร” นายชูเกียรติ กล่าว
ราคาข้าวขาว 5% ขณะนี้อยู่ที่กระสอบละ 1,600 บาท ถือเป็นราคาที่เหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ได้เคยลดลงต่ำสุดเหลือกระสอบละ 1,500 บาท และเคยขึ้นไปสูงสุดที่กระสอบละ 1,700 บาท
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |