นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาข้าวในขณะนี้ปรับตัวลดลงอย่างหนัก เนื่องจากฝนตกหนักทำให้ข้าวมีความชื้นสูง ซึ่งเกษตรกรเกี่ยวสดแล้วจำหน่ายทันที ส่งผลให้โรงสีกดราคารับซื้อ โดยกระทรวงเกษตรฯจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไข ในเบื้องต้นเห็นว่าควรมีการประกาศราคาข้าว ตามระดับความชื้นให้ชัดเจน เพื่อให้เกษตรกรเข้าใจและรับทราบว่าจะได้รับราคาเท่าไร ก่อนตัดสินใจจำหน่าย นอกจากนี้ควรจะสนับสนุนให้เกษตรกรสร้างโกดังกลาง เก็บข้าวเพื่อรอให้ความชื้นลดระดับลงก่อน ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรได้รับราคาสูงขึ้น

นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ราคาที่ตกต่ำในขณะนี้เป็นผลมาจากข้าวมีความชื้นสูง จากฝนตกหนัก ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายจะระบายข้าวในสต็อก จึงเป็นผลในด้านจิตวิทยาต่อโรงสี กดราคารับซื้อข้าวในตลาด รวมทั้งโรงสีพร้อมจะเลือกซื้อข้าวที่มีคุณภาพสูงกว่าจากข้าวนาปี ที่จะทยอยออกสู่ตลาดในช่วงต้นเดือนพ.ย. นี้ ขณะที่ผู้ส่งออกรอรัฐบาลระบายสต็อก

"การแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์ควรชะลอการระบายข้าวในสต็อกออกไปก่อน เพื่อรอจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งในปี 2553 คาดว่าแนวโน้มราคาข้าวในตลาดโลกจะเริ่มสูงขึ้น จากความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และหลายประเทศผู้ผลิตข้าวได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ซึ่งอินเดีย และจีนในขณะนี้ประกาศงดการส่งออกแล้ว ส่วนเวียดนามเกิดปัญหาไม่มีข้าวส่งตามสัญญา ดังนั้นโอกาสจะกลับมาเป็นของไทยอีกครั้ง"

อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวที่ตกต่ำในขณะนี้ จะมีผลต่อโครงการประกันรายได้ ที่ภาครัฐจะต้องจ่ายค่าชดเชยที่สูงขึ้น แต่ทั้งนี้จะต้องรอดูราคาอ้างอิงที่จะประกาศในวันที่ 1 พ.ย. นี้ อีกครั้งหนึ่งว่า จะอยู่ในระดับใด หากมีอัตราที่ห่างจากราคารับประกันมาก การชดเชยมากขึ้น ทั้งหมดนี้คาดว่าคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ จะมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อดึงราคาขึ้นมาได้

"ตอนนี้ราคาที่รับแจ้งอย่างเป็นทางการข้าวขาวทั่วไปความชื้น 15% ประมาณตัน 7,000-8,000 บาท แต่ราคาที่เกษตรกรได้รับอยู่ที่ตันละ 5,000 บาท ซึ่งคณะกรรมการกำหนดราคาอ้างอิงจะต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ดีก่อนประกาศออกไป แต่เพื่อดึงราคาภายในประเทศให้สูงขึ้นรัฐควรชะลอการขายข้าวในสต็อกออกไปก่อน เพราะยังมีโอกาสจะขายได้ราคาที่สูงขึ้นในอนาคต“ นายอภิชาต กล่าว

นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้รายงานว่าในขณะนี้ราคาข้าวขาวความชื้น 15% เกษตรกรยังขายได้ตันละ 8,000 บาท ส่วนที่ขายได้ต่ำกว่านี้คาดว่าจะเป็นเพราะโดนหักความชื้น ดังนั้น ควรตากข้าว ไม่ควรรีบขายระหว่างนี้ เกษตรกรที่มีความจำเป็นและขึ้นทะเบียนในโครงการประกันรายได้แล้ว ควรรอราคาอ้างอิงที่จะประกาศในรอบต่อไป และควรขายในเมื่อราคาอ้างอิงห่างจากราคาประกันราคา จะทำให้เกษตรกรได้การชดเชยมากขึ้น

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ