www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ผู้ส่งออกหนุนรัฐระบายข้าวเปลือก


นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ผู้ส่งออกข้าวสนับสนุนให้รัฐบาลเปิดระบายข้าวในสต็อกรัฐเป็นรูปแบบข้าวเปลือก เพราะจะช่วยให้ภาคเอกชนนำไปผลิตเป็นข้าวนึ่งเพื่อใช้ส่งออกได้ โดยขณะนี้ข้าวนึ่งกำลังเป็นที่ต้องการจากทั่วโลก หากรัฐบาลเร่งระบายข้าวเปลือกออกมาจะเป็นผลดีให้เอกชนมีวัตถุดิบนำไปผลิตเพื่อการส่งออกได้เพิ่ม อีกทั้งรัฐบาลยังมีโอกาสขายได้ราคา และขาดทุนน้อยกว่าการขายเป็นข้าวสาร เพราะราคาข้าวนึ่งในตลาดโลกยังสูง และไทยมีคู่แข่งไม่มาก ที่สำคัญยังช่วยประหยัดงบการปรับปรุงพันธุ์ข้าว และการสีแปรของรัฐ

ขณะที่การระบายหากเป็นข้าวสารรัฐมีโอกาสจะขาดทุนขึ้น เพราะตอนนี้ราคาส่งออกข้าว 5% ของไทยอยู่ที่ตันละ 560 เหรียญสหรัฐ สงกว่าเวียดนามที่อยู่ตันละ 410 เหรียญ ถึงตันละ 150 เหรียญ ดังนั้นผู้ส่งออกไทยจำเป็นต้องยื่นประมูลกับรัฐบาลในราคาที่ต่ำ เพื่อให้สามารถแข่งขันราคากับเวียดนามได้ 

“เท่าที่หารือกับกระทรวงพาณิชย์คาดว่า รัฐจะเปิดประมูลช่วงต้นเดือน ส.ค.นี้ และเอกชนเห็นด้วยที่จะระบายข้าวเปลือกทั้ง 6 แสนตัน เพราะจะนำไปผลิตเป็นข้าวนึ่งได้ 4 แสนตัน เพียงพอต่อการส่งออกใน 2 เดือนข้างหน้า ตรงกับช่วงที่อินเดียคู่แข่งอันดับหนึ่งกำลังอยู่ช่วงห้ามการส่งออกข้าวนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้ไทยมีโอกาสส่งออกได้มากและแข่งขันตัดราคากันน้อยลง แต่รัฐบาลจะต้องรีบทำ หากช้าจนอินเดียกลับมาขายเมื่อไร จะทำให้ไทยเสียเปรียบการแข่งขันทันที เพราะราคาข้าวนึ่งไทยตอนนี้อยู่ที่ตันละ 620 เหรียญสหรัฐ ขณะที่อินเดียจะขายแค่ 400 กว่าเหรียญสหรัฐ ต่างกันเกือบ 200 เหรียญฯ”

สำหรับสถานการณ์ส่งออกตลาดข้าวนึ่งในครึ่งปีแรก ไทยส่งออกได้เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีปริมาณ 1.5 ล้านตัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้เพียง 8-9 แสนตัน และคาดว่าทั้งปีจะส่งออกได้เกิน 2 ล้านตัน โดยมีตลาดส่งออกสำคัญในทวีปแอฟริกา เช่น แอฟริการใต้ ไนจีเรีย แต่ในขณะนี้การส่งออกข้าวนึ่งเริ่มชะลอตัว เพราะผู้ส่งออกหาข้าวเปลือกได้ยาก เพราะชาวนานำเข้าโครงการรับจำนำหมด ทำให้ผู้ส่งออกไม่กล้ารับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ดังนั้นการที่รัฐจะเปิดระบายข้าวเปลือกจะเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกโดยตรง

ส่วนการส่งออกข้าวสารปีนี้ ถือว่าตกต่ำมาก เพราะราคาขายข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง เช่น เวียดนาม พม่า กัมพูชา ทำให้แข่งขันได้ยาก และขณะนี้เวียดนามก็มียอดส่งออกเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับไทย โดยตลอดทั้งปี 52 สัดส่วนการส่งออกข้าวไทย และเวียดนามน่าจะมียอดส่งออกห่างกันไม่เกิน 2 ล้านตัน ขณะที่ปีก่อนห่างกันถึง 4-5 ล้านตัน ดังนั้นหากรัฐจะเปิดระบายข้าวสารช่วงนี้ ควรทยอยระบายออกมาทีละ 4-5 แสนตัน  เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาและภาวะการซื้อขายในตลาด แต่หากระบายปริมาณมากหลายล้านตัน จะกระทบต่อราคาตลาดโลกและในประเทศลดลง

นายชูเกียรติกล่าวว่า รัฐบาลควรเปิดระบายข้าวในสต๊อกให้ทั้งผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศและผู้ประกอบการภายในประเทศ  เพราะปริมาณข้าวในตลาดขาดแคลนมาก เนื่องจากปริมาณข้าวทั้งหมดไหลเข้าสู่สต๊อกรัฐบาล จากการเปิดโครงการรับจำนำในราคาแทรกแซงสูงกว่าราคาตลาด ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระราคาข้าวถุงสูงไปด้วย โดยผู้ประกอบการภายในต้องแย่งซื้อข้าวในตลาดกับผู้ส่งออกเพื่อบรรจุถุงขาย 

ขณะที่การที่รัฐจะทำข้าวถุงขายนั้น ไม่เห็นด้วย เพราะจะกลายเป็นการแข่งขันกับเอกชน ซึ่งจะกลายเป็นการบิดเบือนตลาด แต่เห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลจะขายข้าวสต๊อก 3 หมื่นตัน ในราคาตันละ 1 บาท ให้กับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ใช้บรรจุถุง 4 กก. จำนวน 7.5 ล้านถุง เพื่อช่วยเหลือกรณีภัยพิบัติภายในประเทศ เพราะเป็นปริมาณเพียงเล็กน้อย ไม่ทำให้กลไกตลาดบิดเบือน

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จะประสานไปโรงสีข้าวทั่วประเทศ ให้ระบายข้าวสารไปให้ผู้ผลิตข้าวถุง เพื่อใช้ผลิตข้าวถุงไว้จำหน่ายในประเทศ และแก้ปัญหาข้าวสารในประเทศที่ราคาสูง โดยขณะนี้เชื่อว่ายังมีข้าวอยู่ที่โรงสีอยู่ ไม่ได้เข้าโรงรับจำนำทั้งหมด หากโรงสีระบายข้าวสารออกมาน่าจะช่วยแก้ปัญหาต้นทุนข้าวแพง และทำให้ราคาขายปลีกข้าวถุงลดลงได้ นอกจากนี้ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าวสาร เพื่ออนุมัติการระบายข้าวสาร.

ที่มา เดลินิวส์

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.