นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ใช้วิธีการประกันราคาข้าว แทนการรับจำนำและมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาคำนวณราคาที่เหมาะสม และขึ้นทะเบียนเกษตรกรนั้น สำหรับการกำหนดราคาประกัน สศก.ได้จัดเตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้ว โดยได้คำนวณต้นทุนอย่างละเอียด ทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร อาทิเช่น ค่าเช่าที่ ค่าแรง ค่าเตรียมพื้นที่ ค่าพันธุ์ข้าว ค่าปุ๋ย ค่าน้ำมัน ค่าเสียโอกาส ดอกเบี้ย คิดเป็นต้นทุนต่อไร่ และจะประเมินผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ออกมา รวมกับกำไรที่เกษตรกร ควรจะได้รับอีก 20-25% จะกำหนดได้ว่าราคาประกันควรเป็นเท่าไร
อย่างไรก็ตาม สศก.ได้ประสานกับกรมการข้าวให้เร่งจัดประชุมหารือกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน 2 สัปดาห์นี้ ทั้งสมาคมชาวนาไทย โรงสี และผู้ส่งออก กำหนดราคาประกันที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง ให้ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน จากนั้นจึงจะประกาศราคาประกันออกมา โดยการประกาศราคาประกันนั้นจะแยกเป็นชนิดของข้าว อาทิเช่น ข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ข้าวหอมมะลิ เป็นต้น และจะลดทอนไปตามความชื้นและสิ่งเจือปน ซึ่งมีสูตรมาตรฐานในการคำนวณหักค่าความชื้นและสิ่งเจือปนในสัดส่วนเท่าไร
"หลักการราคาประกันจะเป็นราคาที่ให้เกษตรกรอยู่ได้ ไม่ขาดทุน เมื่อเกษตรกรลงทุนไปแล้วควรได้ผลตอบแทนแบบไม่ต้องเดือดร้อน ราคาตลาดที่เกษตรกรขายได้หากต่ำกว่าราคาประกัน รัฐบาลจะจ่ายชดเชยให้"
ในเบื้องต้นราคาประกันสำหรับข้าวเปลือกเจ้าจะไม่ต่ำกว่าตันละ 10,000 บาท ขณะที่ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ประมาณตันละ 14,000-15,000 บาท แต่ขึ้นอยู่กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าจะตกลงกัน ที่ราคาแน่นอนตันละเท่าไร โดยราคาจะคิดคำนวณใหม่ปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงในแต่ละฤดูกาลผลิต รวมถึงต้องมีการกำหนดเพดานด้วยว่าให้เกษตรกรประกันราคาได้รายละไม่เกินกี่ตัน อาทิเช่น อาจจะอยู่ที่ 10 ตันเป็นต้น เพราะจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตามที่ ครม.มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งระบายสินค้าเกษตรนั้น ตนจะต้องขอความเห็นจาก ครม.อีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นการมอบอำนาจให้กระทรวงพาณิชย์ สามารถดำเนินการต่อรอง หรือตกลงราคาในขั้นการเจรจาขายได้ด้วย เพื่อความสะดวก เพราะต้องการความมั่นใจว่าการตัดสินใจใดๆ สามารถดำเนินการได้ ซึ่งการเจรจาขายข้าวรัฐต่อรัฐประเมินว่าตลาดมีความต้องการเพียง 1 ล้านตันเท่านั้น จากปริมาณในสต็อกที่มีไม่น้อยกว่า 4 ล้านตัน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |