นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า อคส.กังวลว่าจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกรณีชะลอสัญญารับมอบข้าวสต็อกรัฐบาลจำนวน 1.95 ล้านตัน จากผู้ชนะการประมูล 17 ราย เพราะหลังจากให้ผู้ชนะการประมูลทำหนังสือแจ้งความจำนง ปริมาณข้าวที่ต้องการมายัง อคส. โดยมีการส่งหนังสือเข้ามาทั้งหมด 14 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ระบุว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ อคส. เพราะได้รับความเดือดร้อนจากการชะลอรับมอบข้าว ทำให้นำข้าวไปส่งลูกค้าต่างประเทศไม่ทัน และยังเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และมีบางรายที่ลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อและหันไปซื้อข้าวประเทศอื่นแทน
วันนี้ (23 มิ.ย.) อคส.จะทำหนังสือถึงนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เพื่อรายงานข้อสรุปจากผู้ชนะการประมูล เพื่อนำเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจในสัปดาห์หน้า โดยผู้ชนะการประมูลต้องการข้าว ในส่วนที่ชำระเงินปริมาณ 9.65 หมื่นตัน ส่วนข้าวที่ยังไม่ชำระเงิน 1.7 ล้านตันนั้น มีหนังสือแจ้งไม่ต้องการข้าวสารเพียง 3 แสนกว่าตัน อีก 1.4 ล้านตัน ยังต้องการ รวมที่ต้องการข้าวประมาณ 1.5 ล้านตัน
“ข้าวในส่วน 1.4 ล้านตัน มี 7-8 รายแจ้งความจำนงว่ายังต้องการ แต่ยังไม่ระบุปริมาณ เพราะจะรอดูท่าทีจากนายกฯ ในการหารือร่วมกัน คาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์หน้า หากนายกฯ อนุมัติก็จะทำหนังสือเข้ามาตามปริมาณคำสั่งซื้อที่มีอยู่จริง เพื่อลดผลกระทบความเสียหายจากการถูกชะลอรับมอบข้าว” นายยงยศ กล่าว
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ กล่าวว่า เดิมผู้ส่งออกจะเข้าพบนายกฯ วันนี้ แต่ต้องยกเลิก แสดงถึงความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา ซึ่งได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับเลขานุการนายกฯ แต่ได้รับการบอกปัด ให้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่หน้าห้องอีก 2-3 คน โดยต้องรอให้เดินทางกลับจากจีนก่อน ซึ่งการค้ารอไม่ได้ จะมีนโยบายอย่างไรก็ให้ต้องชัดเจน ซึ่งผู้ส่งออกเดือดร้อนมาก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.มีการหารือเกี่ยวกับการดำเนินการความร่วมมือในกรอบของอาเซียนกับกลุ่มประเทศคณะมนตรีความมั่นคงอ่าวอาหรับ (จีซีซี) ซึ่งไทยมีจุดยืนหากเป็นเรื่องของการลงทุนในอุตสาหกรรมการเกษตร การแปรรูป การรับซื้อสินค้าเกษตร การร่วมมือในเรื่องความมั่นคงทางอาหารไม่ขัดข้อง แต่การที่จะเข้ามาทำนานั้น ตามกฎหมายไทยมีการสงวนเอาไว้ จึงเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |