นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากราคาข้าวที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ขณะนี้ ยอมรับว่ามีความเป็นห่วง หากรัฐบาลบริหารจัดข้าวในสต็อกไม่ดี อาจเสียโอกาสที่จะทำกำไรจากข้าวที่มีอยู่

ทั้งนี้ ต้องพิจารณาช่วงเวลาระบายที่เหมาะสม โดยจะคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. ความต้องการตลาด หากตลาดมีความต้องการมาก การระบายข้าวจะส่งผลกระทบไม่มากนัก 2. ราคา ในช่วงนี้อาจยังไม่เหมาะสม จึงกำหนดต้องทดสอบตลาด ด้วยการระบายล็อตเล็กๆ ไม่กี่หมื่นตัน หากระบายแล้วราคาผันผวน ก็ต้องยกเลิกแผนระบายไว้ก่อน และ 3. ภาวะตลาดภายใน

"เราก็กลัวว่าจะข้าวราคาดี แต่ไม่ระบาย ก็เสียโอกาส แต่ถ้าจะระบาย ก็กลัวว่าจะทำให้ราคา ที่กำลังดีอยู่ลดลงไปหรือไม่ ตอนนี้กำลังดูไทมิ่งก่อน ถ้าเหมาะสมก็เสนอให้รองนายกฯ กอร์ปศักดิ์ พิจารณา ก็คงทดสอบตลาดไม่กี่หมื่นตันก่อน" นางพรทิวากล่าว

จนถึงขณะนี้ ตามแผนระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) อนุมัติ คือ การระบายผ่านรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เบื้องต้นมีอินเดียรับซื้อ 2 ล้านตัน

นายปราโมทย์ วานิชชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยกับนางพรทิวา ที่จะเปิดให้มีการระบายข้าวในช่วงนี้ แม้จะอ้างว่าเพื่อเป็นการทดสอบตลาดก็ตาม ทั้งนี้ สถานการณ์ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและจะสูงมากกว่านี้อีก โดยผู้ส่งออกประกาศซื้อข้าว 5% เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ช่วงเช้าโค้ดราคา 16 บาทต่อ กก. หรือตันละ 16,000 บาท ช่วงสายซื้อที่ 16,200 บาทต่อตัน ช่วงเที่ยงขยับซื้อเป็น16,300บาทต่อตัน และช่วงเย็นวานนี้ประกาศซื้อราคา 16,500 บาทต่อตันวันเดียวราคาพุ่งสูงขึ้น 500 บาทต่อตัน

“ราคาข้าวขึ้นพรวดๆ จะไปที่ 18,000 บาทต่อตันอยู่แล้ว เพราะปัญหาเพลี้ยกระโดดสร้าง ความเสียหายผลผลิตมาก ประกอบกับช่วงนี้ไม่มีข้าวออกสู่ตลาด จะออกอีกทีช่วงเดือน ก.พ. ขณะที่เวียดนามไม่มีข้าวขาย ทำสัญญาไปหมดแล้ว อินเดียแม้จะชะลอนำเข้า แต่ไม่ได้หมายความไม่นำเข้า ฟิลิปปินส์จะเปิดประมูลต้นเดือนหน้าอีก 6 แสนตัน คาดการณ์กันว่าข้าวจะพุ่งไปที่ 2.2 หมื่นบาทต่อตัน ไม่มีเหตุผลที่จะทดสอบตลาดช่วงนี้ กระทรวงพาณิชย์ไม่ทราบข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไร เจตนาจะปล่อยข้าวออกมา เอื้อให้ใครที่ไปทำสัญญาไว้ก่อนหน้านี้ราคาต่ำไม่ให้เจ็บตัวมากไปหรือไม่” นายปราโมทย์กล่าว

ชี้ รมต.พาณิชย์อ่อนหัดระบายข้าวช่วงนี้

นอกจากนี้ ต้นทุนข้าวในสต็อกของรัฐบาลล็อตนี้เฉลี่ย 2.1 หมื่นบาทต่อตัน หากขายไปในขณะนี้ราคาจะถูกกดต่ำ ด้วยข้ออ้างคุณภาพข้าวบ้างหรือเหตุผลอย่างอื่นบ้าง จะตกประมาณราคาที่ประมูล 1.5-1.6 หมื่นบาท จึงไม่มีเหตุผลที่กระ-ทรวงพาณิชย์ต้องขายข้าวช่วงนี้ และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศออกมาระบุเองว่า ราคาข้าวจะไปที่ 800 ดอลลาร์ต่อตัน คิดเป็นราคาข้าวสารประมาณ 2.4 หมื่นบาทต่อตัน

“รัฐมนตรีพาณิชย์ออกมาประกาศช่วงนี้ จะถูกโห่เอาได้ว่าบริหารสต็อกไม่เป็นเพราะรู้อยู่แล้ว ราคาข้าวจะพุ่งไปอีก ตอนนี้จะขายใครก็ได้ทุกคนจ้องซื้อข้าวของรัฐทั้งหมดอยู่แล้ว ปล่อยไปอีก1-2 เดือนให้ราคาขึ้นถึง 1.9 หมื่นบาทก่อนแล้วจะทดสอบตลาดก็ค่อยว่ากันไปไม่สายเกินไปราคาจะไป 800 ดอลลาร์ แต่ทำไมจะปล่อยข้าวที่ 500 ดอลลาร์ ทุกฝ่ายคาดการณ์ได้ว่าราคาข้าวจะพุ่งสูงต่อเนื่อง การระบายข้าวออกมาเท่ากับเป็นการทุบราคา และสะท้อนแนวคิดว่าไม่ฉลาดเลย”

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอให้ ครม.อนุมัติให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 7,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกนาปี ปี 2552/2553 เพื่อพยุงราคาข้าวเปลือกในโครงการประกันรายได้เกษตรกร ก่อนหน้านี้ ครม.ได้อนุมัติให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) กู้เงินจาก ธ.ก.ส.ในวงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกนาปี ปี 2552/2553 ส่งผลให้การกู้เงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกในปีการผลิตนี้ถึง 2 หมื่นล้านบาท

ฟิลิปปินส์ประมูลล็อตใหม่ 15 ธ.ค.

ด้านหนังสือพิมพ์ฟิลิปปินส์ เดลี่ อินไควเรอร์ รายงานอ้างสำนักงานอาหารแห่งชาติฟิลิปปินส์ ว่า รัฐบาลกรุงมะนิลาจะเปิดประมูลซื้อ ข้าวครั้งที่ 4 สำหรับการสำรองข้าวในปี 2553 วันที่ 15 ธ.ค.นี้ โดยจะรับซื้อ 600,000 ตัน กำหนดส่งมอบระหว่างเดือน ก.พ.-พ.ค.ปีหน้า และตั้งงบการซื้อข้าวครั้งนี้ไว้ที่ 324 ล้านดอลลาร์

ขณะที่นายเร็กซ์ เอสโตเปเรซโฆษกสำนักงาน อาหารแห่งชาติฟิลิปปินส์ ระบุว่าปริมาณนำเข้าข้าวในปีหน้าของฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มที่จะทะยานขึ้นไปอยู่ที่อย่างน้อย2.4ล้านตันโดยคาดว่าการเปิดประมูลซื้อข้าวครั้งใหม่ หลังจากการซื้อในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จะเกิดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553

การเพิ่มปริมาณซื้อข้าวดังกล่าวของฟิลิปปินส์ อาจหนุนให้ราคาข้าวโลกพุ่งสูงขึ้นไปอีก หลังสภาพอากาศแห้งแล้ง ทำให้อินเดียมีผลผลิตข้าวลดลง 18% โดยปีนี้ ราคาข้าว 100% เกรดบีของไทย ทะยานขึ้นมาแล้ว6.9% จากระดับ ต่ำสุดที่ 525 ดอลลาร์ต่อตัน มาอยู่ที่ 561 ดอล-ลาร์ต่อตัน เมื่อเดือน ต.ค. 2552

ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ซึ่งมีปริมาณผลผลิตข้าวหายไป 1.3 ล้านตัน เพราะเจอพายุพัดถล่มหลายลูก เพิ่งซื้อข้าวไป 250,000 ตัน ช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้ และมีกำหนดเปิดรับซื้อข้าวอีก 2 ครั้งในวันที่ 1 และ 8 ธ.ค.นี้ ครั้งละ 600,000 ตัน

ซีพีอีเจรจาบรูไนสร้างโรงสีข้าว

หนังสือพิมพ์บรูไน ไทม์ส รายงานอ้างผู้แทนบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (ซีพีอี)วานนี้ (23 พ.ย.) ว่า ซีพีอีอยู่ระหว่างการหารือกับรัฐบาลบรูไน ถึงการสร้างโรงสีข้าวแห่งใหม่ ซึ่งหากสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ก็จะเริ่มการก่อสร้างทันที และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2553

บรูไน ไทม์ส ระบุว่าซีพีอีเป็นหนึ่งในผู้ค้าจำนวนมากที่เข้ามาเปิดร้านในงานแสดงสินค้า และอาหารทางการเกษตรเมื่อ เร็วๆ นี้ โดยผู้แทนของซีพีอี กล่าวด้วยว่า โรงสีข้าวที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงนี้ จะสีข้าวได้เพิ่มขึ้นสูงสุดชั่วโมงละ 4 ตัน หรือได้ผลผลิตทั้งหมด 50-60 ตันต่อวัน และ 21,000 ตันต่อปี มากขึ้น จากความสามารถในการสีปัจจุบันถึงกว่า 2 เท่า ข้อมูลทางการเกษตรของบรูไนแสดงให้เห็นว่า เมื่อปี 2551 บรูไนสามารถผลิตข้าวได้ 911.3 ตัน และนำเข้า 31,353 ตัน โดยในแต่ละปีชาวบรูไนมีอัตราการบริโภคข้าวต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 80.1 กิโลกรัม ปัจจุบันซีพีอีอยู่ระหว่างการศึกษาค่าใช้จ่ายก่อสร้างโรงงานแห่งนี้

พรทิวาปัดข้าวเน่าช่วยน้ำท่วม

นางพรทิวา กล่าวถึง กรณีการบริจาคข้าวสารผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่จังหวัดพัทลุง และเกิดเป็นข้าวเน่าขึ้น ว่า ความเสียหายของข้าวที่เกิดขึ้น น่าจะมาจากขั้นตอนการขนส่ง เพราะยืนยันได้ว่าข้าวนำไปบริจาคมีคุณภาพดี เป็นข้าวใหม่ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะนำข้าวส่วนที่ดีไปชดเชยให้ผู้ประสบภัย

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ