นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่าขณะนี้ปัญหาการลักลอบนำเข้าข้าวจากชายแดนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงเริ่มโครงการรับจำนำข้าวนาปรังฤดูกาลผลิตปี 2552 ที่เริ่มเปิดรับจำนำไปตั้งแต่เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลไทยประกาศราคารับจำนำสูงถึงตันละ 11,800 บาท สร้างแรงจูงใจให้มีการลักลอบนำเข้าจากประเทศแถบชายแดน เพื่อนำมาสวมสิทธิ์เข้าโครงการับจำนำข้าวนาปรังมากขึ้น เนื่องจากข้าวของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา และพม่า มีข้าวราคาถูกกว่าข้าวไทยเกือบครึ่ง คือ ประมาณตันละ 7,000 บาทเท่านั้น

"ขณะนี้มีการลักลอบนำเข้าข้าวเข้ามาไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 ตัน โดยเป็นข้าวคุณภาพต่ำ ข้าวที่ผู้ส่งออกรับซื้อมาจากโรงสีมีเมล็ดผิดปกติไปจากเดิม คือ มีเมล็ดสั้นลง แต่โรงสีอ้างว่าเป็นเพราะข้าวได้รับผลกระทบจากอากาศหนาว เมล็ดจึงสั้นลง แต่จากการสอบถามไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า ถ้าอากาศหนาวข้าวจะไม่ออกรวงเลย ไม่ใช่เมล็ดสั้น จึงตั้งข้อสังเกตว่าข้าวในโรงสีของไทยหลายแห่ง ไม่ใช่ข้าวที่ปลูกในไทย แต่เป็นข้าวคุณภาพต่ำที่ลักลอบเข้ามา" นายชูเกียรติ กล่าว

นายสกสมาคมฯกล่าวอีกว่า ลูกค้าที่ซื้อข้าวจากไทยตอนนี้ เริ่มบ่นว่าข้าวที่ซื้อไป คุณภาพและรสชาติไม่เหมือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน เพราะเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงข้าวไทย ในฐานะผู้ผลิตและผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก ส่วนสถิติการส่งออกข้าวในช่วงตั้งแต่วันที่ 1-20 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา มีการส่งออกไปแล้วกว่า 510,000 ตัน ขยายตัวลดลง 29 % เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้รวม 740,000 ตัน

นายชูเกียรติ ระบุว่า กรณีที่มีบริษัทเอกชนไทย 2 ราย ขออนุญาตกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอนำเข้าข้าว 25 % และปลายข้าวจากพม่าเข้ามายังไทยจำนวน 2,536 ตัน เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม ภายใต้พันธกรณีองค์การการค้าโลก (WTO) ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่มีการนำเข้าข้าวจากพม่า เพราะตามปกติการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศจะต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงมากที่อัตรา 30-50% และจากการตรวจสอบราคาข้าวจากพม่า พบว่า มีราคาถูกกว่าข้าวไทยมากโดยเฉพาะข้าวขาว 25 % ราคาอยู่ที่ตันละ 280 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ข้าวไทยอยู่ที่ตันละ 480 เหรียญสหรัฐ

ที่มา แนวหน้า