สำนักข่าวเอพีรายงานว่า มหาวิทยาลัยรัฐลุยเซียนาของสหรัฐ ได้ระบุว่า ข้าวพันธุ์แจสเมน ไรซ์ ของสหรัฐ มีคุณภาพเทียบเคียงกับข้าวหอมมะลิ จัสมิน ไรซ์ ของไทย โดยข้าวดังกล่าวได้ถูกนำไปขายเพื่อการบริโภคภายในประเทศภายใต้เครื่องหมายการค้าที่หลากหลาย

ทั้งนี้ แอนดรูว์ หว่อง ผู้ประกอบการร่วมรายหนึ่งของบริษัท แจสเมน ไรซ์ แอลแอลซี ของสหรัฐ ได้คาดการณ์ว่า ข้าวแจสเมนจะขึ้นมาตีตลาดเป็นคู่แข่งกับข้าวหอมมะลิของไทยได้ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจาก 500 ตัน ในปีนี้ เป็น 6.3 หมื่นตัน ภายในปี 2011 ซึ่งจะเป็นตัวเลขประมาณ 18% ของปริมาณการนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยในปีที่แล้ว

ในรายงานยังระบุด้วยว่า มีเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมในการผลิตข้าวเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่มีอยู่เพียงไม่กี่สิบราย แต่ในปีหน้าจะมีเพิ่มขึ้นถึงราว 100 รายอีกด้วย นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่าราคาข้าวแจสเมนจะมีราคาที่ถูกกว่าข้าวที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างแน่นอน

ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงการที่สหรัฐจะเพิ่มผลผลิตข้าว แจสเมนเพื่อบริโภคในประเทศ ลดการนำเข้าข้าวไทยว่า คงยังไม่กระทบการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไปสหรัฐมาก เพราะขณะนี้ผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิที่สหรัฐยังไม่ยอมรับหรือรู้จักข้าวแจสเมน นอกจากนี้ ยังต้องดูความเป็นไปได้ในการเพิ่มผลผลิต หากสินค้าไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดก็ไม่จูงใจให้เกษตรกรสหรัฐผลิต

ทั้งนี้ หากราคาข้าวหอมมะลิของไทยยังราคาสูงกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 3.3 หมื่นบาท) ต่อตัน ประเด็นนี้อาจจะเป็นช่องว่างให้ข้าวแจสเมนเข้ามาทำตลาดได้ ถ้าตั้งราคาถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทยมากถึงตันละ 300-400 เหรียญสหรัฐ (ราว 1-1.3 หมื่นบาท) ร้านอาหารระดับล่างอาจจะซื้อแจสเมนไปผสมกับข้าวหอม มะลิไทย

อย่างไรก็ตาม ข้าวแจสเมนคงจะเข้ามาแทนตลาดข้าวหอมมะลิไทยในสหรัฐทั้งหมด 100% คงไม่ได้ เพราะรสชาติต่างกัน ข้าวแจสเมนเป็นการนำข้าวหอมจีนผสมกับข้าวพันธุ์เม็ดยาวของสหรัฐ เมื่อหุงเป็นข้าวเจ้าความหอม ความนุ่ม เป็นคนละวาไรตี กับข้าวหอมมะลิไทย ถ้าแจสเมนไม่ขายถูกกว่าข้าวหอมมะลิมากจริงๆ คงแย่งตลาดข้าวหอมมะลิไทยยาก

ทั้งนี้ การส่งออกเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยไปต่างประเทศเฉลี่ยปีละกว่า 2 ล้านตัน ตลาดหลักส่งไปจีน ฮ่องกง มาเลเซีย สหรัฐ โดยสหรัฐส่งไปปีละ 3.5 แสนตัน หรือกว่า 17.5%

ที่มา โพสต์ทูเดย์