นางพรทิวา นาคาสัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมประชุมคณะกรรมการบูรณาการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้า เกษตร ครั้งที่ 2 โดยมี พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ. กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการค้าภายใน เข้าร่วมประชุม ภายหลังการประชุม นางพรทิวา กล่าวว่า การเปิดค้าเสรีกับประเทศอาเซียนหรืออาฟต้าที่จะมีการค้าเสรีข้าว เริ่มต้นในเดือน ม.ค. 2553 ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบกับไทย โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้าข้าวมาปะปน ดังนั้น จึงมาขอความสนับสนุนจากกองทัพบกช่วยเพิ่มมาตรการป้องกันและหาแนวทางดูแลผลก ระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเปิดตลาดข้าว ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน เพื่อป้องกันการลักลอบนำข้าวมาสวมสิทธิ์รับจำนำในปีหน้า จากการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ โดย พล.อ.อนุพงษ์ รับปากที่จะให้การสนับสนุนการสกัดกั้นตามแนวชายแดน

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นอกจากนี้พบว่าการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรของคณะ อนุกรรมการทั้ง 7 จุด ได้ผลน่าพอใจ แม้จะมีปริมาณจับกุมไม่มาก แต่แสดงให้เห็นว่ามีมาตรการเข้มงวดตามแนวชายแดนและได้ผลทางจิตวิทยา หลังจากนี้จะเน้นนโยบายคุมเข้มเช่นเดิม ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะสนับสนุนกองทัพบกและกองทัพอากาศในการระบายลองกองจาก พื้นที่ภาคใต้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้วย

นางพรทิวา กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาเรื่องการระบายข้าวโพดนั้น ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้ว แต่รองนายกรัฐมนตรีอยากให้นำเข้าครม.เพื่อรับทราบ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พยายามที่จะทำให้ขาดทุนน้อยที่สุด คือ โดยให้ผู้ซื้อเข้ามาประมูลสู้กัน ใครเสนอราคาที่สุดก็เอาไป แต่ราคาข้าวโพดในตลาดขณะนี้ลดลงกว่าราคาที่เสนอในครั้งก่อน อาจทำให้ไม่มีผู้ซื้อข้าวโพดจากคลังของกระทรวงที่ต้องการระบาย ซึ่งถือเป็นปัญหาในทุกสมัยกับราคาสินค้าเกษตร นางพรทิวา กล่าวว่า ส่วนเหตุผลที่ต้องระบายข้าวออก เพราะเดือนนี้ถึงเดือนก.ค.เป็นช่วงที่ประเทศเวียดนามกับประเทศอินเดียไม่ส่งออก จึงเป็นภาวะตลาดที่เหมาะสมที่สุดที่จะระบายช่วงนี้ เพราะหากสินค้ามีมากราคาจะตก ส่วนเรื่องจำนำ หากราคาสูงก็จะต้องขาดทุนต้องยอมรับให้ได้ แต่ถ้าไม่จำนำก็ไม่ขาดทุน คือ ราคาขายราคาปกติ แต่การจำนำเงินจะอยู่ที่เกษตรกร ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเขาจริงๆ

ที่มา ไทยรัฐ