www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ประเคนสต๊อกข้าวให้รายใหญ่ ส.ผู้ส่งออกเต้นถามหาความโปร่งใส


มติของคณะอนุกรรมการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2552 สร้างความประหลาดใจในวงการค้าข้าว เนื่องจากมติระบุให้มีการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ปริมาณ 4.346 ล้านตัน แบ่งเป็นระบายผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ AFET ปริมาณ 763,920 ตัน และระบายด้วยการส่งออกอีก 3.8 ล้านตัน รวมถึงมติที่ให้ผู้แทนองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นประธานคณะทำงานระบายข้าว ซึ่งคณะทำงานชุดนี้มีหน้าที่กำหนดเงื่อนไขการเสนอราคา (ทีโออาร์) ซึ่งเบื้องต้นกำหนดให้ ผู้ส่งออกที่มีหนังสือรับรองการส่งออก (B/L) มายืนยันกำหนดให้เสนอราคาเป็นเงินบาท ตามราคาหน้าคลัง ไม่มีการหักค่าขนส่งหรือค่าเสื่อมราคา และกำหนดวางเงินค้ำประกัน 5%

ก่อนหน้านี้ พรทิวา พยายามส่ง "สัญญาณ" มาตลอดว่า จะระบายข้าว โดยมีข่าวว่า ประธานบอร์ด อคส.เชิญผู้ส่งออกรายใหญ่ 4-5 รายเข้าพบ หลังจากนั้นเกิดความเคลื่อนไหวในวงการข้าว มีการรับซื้อใบ B/L ในราคาสูงถึงตันละ 200-300 บาท ขณะที่ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ ในฐานะอธิบดีกรมการค้า ต่างประเทศ ซึ่งคัดค้านการระบายข้าวลอตใหญ่นี้มาอย่างต่อเนื่อง ถูกคำสั่งย้ายฟ้าผ่า โดยเจ้าตัวถึงกับยอมรับว่า ไม่ทราบเรื่องมาก่อนเมื่อวันที่ 7 เมษายน

แหล่งข่าวในวงการค้าข้าว ให้ข้อมูลว่า ต้องยอมรับว่า ปริมาณการส่งออกข้าวในช่วง 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปีนี้มีเพียง 2 ล้านตัน ลดลงถึง 32.8% เนื่องจากราคาตลาดโลกลด ประกอบกับผู้ซื้อส่วนใหญ่มีสต๊อกในมือมากตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมกับเวียดนามและอินเดีย เริ่มส่งข้าวออกสู่ตลาดมาก ในขณะที่ราคาข้าวในประเทศขยับตัวสูงขึ้น เนื่องจากโครงการรับจำนำของรัฐบาล ทำให้ผู้ส่งออกไม่สามารถส่งออกได้ จากปัญหาต้นทุนรับซื้อในประเทศสูง จึงลำบากที่จะไปตัดราคาขายแข่งกับเวียดนาม จึงเหลือเพียงกลุ่มผู้ส่งออกที่ประมูลข้าวได้เท่านั้นที่มีศักยภาพในการส่งออกได้

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า อคส.เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวในวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า แม้การประชุมครั้งนี้ได้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศเข้าร่วมด้วย แต่มีความผิดปกติมาจากการส่งหนังสือเชิญประชุมให้กับหน่วยงานบางหน่วยงานช้ากว่ากำหนดการประชุมที่จะเริ่มขึ้น 1-2 ชั่วโมง เหมือนเป็นความตั้งใจที่ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการพิจารณาเงื่อนไขการประมูลอย่างแท้จริง และในช่วงนี้เป็นจังหวะที่อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรักษาการอยู่ จึงเป็นสุญญากาศในการดำเนินการของกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการระบายข้าว

ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตั้งเงื่อนไขการประมูลข้าวอย่างกว้างขวางในวงการค้าข้าว โดยเฉพาะเงื่อนไขที่จะเปิดให้ผู้ซื้อเสนอราคาซื้อข้าวขั้นต่ำ 5 แสนตันขึ้นไป ถือว่าเป็นเงื่อนไขเอื้อเฉพาะผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่ทุนหนา ซึ่งในตลาดข้าวมีเพียง 2-3 รายเท่านั้น เพราะเป็นที่ทราบกันดีกว่าขณะนี้ตลาดต่างประเทศได้ชะลอการสั่งซื้อข้าวไปนานแล้ว เพราะอินเดียน่าจะเริ่มกลับมาส่งออกหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งแนวโน้มราคาข้าวน่าจะปรับลดลง ซึ่งในจุดนี้ทำให้ผู้ส่งออกรายเล็กและรายกลางเสียเปรียบรายใหญ่อย่างเห็นได้ชัด

ขณะที่ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่มีอำนาจการต่อรองสูง และมีสต๊อกข้าวในมือ ต่างชะลอการซื้อข้าวในตลาดแล้ว เพื่อรอซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาล ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกนาปรังในตลาดตกต่ำลงมา โดยข้าวสดขณะนี้ถูกกดราคาเหลือแค่ตันละ 8,000 บาท จากก่อนหน้านี้ที่ซื้อขายตันละ 9,000 บาท จนทำให้คาดกันว่า น่าจะมีจำนวนข้าวเข้าโครงการรับจำนำนาปรัง ปี 2552 เต็มโควตา 2.5 ล้านตันก่อนกำหนด เพราะขณะนี้มีถึง 1.5 ล้านตันแล้ว ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลต้องขยายโควตารับจำนำข้าวเปลือกนาปรังเพิ่มขึ้นอีก เหมือนการขยายการรับจำนำในช่วงที่ผ่านมา

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ที่ประชุมสมาคมได้หยิบยกประเด็นการระบายข้าวในสต๊อก รัฐบาล 3 ล้านตัน ขึ้นมาหารือ โดยส่วนใหญ่สมาชิกไม่เห็นด้วยที่ รัฐกำหนดเงื่อนไขต้องเสนอซื้อขั้นต่ำ 5 แสนตัน เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ส่งออก รายใหญ่ทำให้ข้าวไปตกในมือผู้ส่งออก ไม่กี่ราย ซึ่งจะส่งผลต่อกลไกการค้าข้าวเสรี ที่ผู้ส่งออกรายกลางและเล็กไม่สามารถ แข่งขันได้ เพราะต้องซื้อข้าวจากตลาดที่มีราคาสูงกว่าซื้อจากรัฐบาล

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์ราคาข้าว พบว่าราคามีแนวโน้มลดลงจาก 2 ปัจจัยหลักคือ การระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลไทยจำนวนสูงถึง 3 ล้านตัน และภาวะตลาดข้าวปีนี้ชะลอตัวตามปริมาณสต๊อกที่แต่ละประเทศเหลืออยู่ เช่น อินเดียที่คาดว่ามีข้าวในโกดังมากถึง 20 ล้านตันจากปกติจะมีอยู่เพียง 12 ล้านตัน และอินเดียมีแผนส่งออกในกลางปีนี้ ทำให้ภาพรวมตลาดชะลอคำสั่งซื้อ เพื่อรอความชัดเจนของราคาตลาดที่อาจตกต่ำลงมากกว่านี้

"ต้องการให้รัฐบาลไทยดำเนินการระบายข้าวอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมกับ ผู้ประกอบการทุกรายเพราะการกำหนดระบายข้าวในขณะนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแต่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบคือไม่ระบายปริมาณมากจนเกินไป" นายชูเกียรติกล่าว

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.