นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลเพิ่มโควตารับจำนำข้าวเปลือกนาปรังอีก 2 ล้านตัน โดยให้แต่ละจังหวัดไปจัดสรรว่า ช่วงที่ผ่านมาหลังจากที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังในพื้นที่ต่างๆ ยอมรับว่า มีบางโรงสีใน 3 จังหวัด มีพฤติกรรมไม่โปร่งใสในการรับจำนำ ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก และนครสวรรค์
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายในจังหวัด และคณะกรรมการข้าวแห่งชาติระดับจังหวัด (กขช.จังหวัด) ได้ตรวจสอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขของโรงสี พบว่ามีโรงสีที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว 6 แห่งคือ จ.กำแพงเพชร 3 แห่ง พิษณุโลก 1 แห่ง สุโขทัย 1 แห่ง และนครสวรรค์ 1 แห่ง จึงสั่งให้ระงับการจำนำข้าวนาปรังไปแล้ว นอกจากนี้ ยังพบการสวมสิทธิทั้งจากโรงสีและจากชาวนา 4-5 ราย ซึ่งต้องตรวจสอบอีกครั้งจากเจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชน
“โรงสีที่พบว่ากระทำความผิดอาจจะโดนแบล็คลิสต์ (ขึ้นบัญชีดำ) ในการเข้าร่วมโครงการรับจำนำในครั้งต่อไป โดยพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใสนั้นมีทั้งการเพิ่มปริมาณรับจำนำโดยไม่ผ่านคณะกรรมการจังหวัด และการสวมสิทธิ โดยมีเกษตรกรใน 3 จังหวัดดังกล่าวร่วมด้วย ขณะนี้ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อโรงสีและเกษตรกรแล้ว" นายยรรยง กล่าวและว่า หลังจากที่รัฐบาลเข้มงวดดูแลข้าวเปลือกนั้น ส่งผลให้ภาพรวมของราคาข้าวเปลือกในตลาดขยับตัวสูงขึ้นตันละ 400-500 บาท ประกอบกับในช่วงนี้ผู้ส่งออกได้ซื้อข้าวเพื่อไปส่งตามออเดอร์ที่เริ่มกลับเข้ามา
อย่างไรก็ตาม ขอเตือนโรงสีและเกษตรกรอย่ามีพฤติกรรมการสวมสิทธิหรือกระทำการใดๆ ในการทุจริตรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง เพราะขณะนี้แต่ละจังหวัดมีมาตรการเข้มงวดดูแลการรับจำนำมากขึ้น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |