www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ทุนอาหรับไม่สนเสียงค้านชาวนา ใช้ช่องนอมินีบริษัทเกษตรรายใหญ่ลุยต่อ


แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงกรณีที่นักลงทุนจากกลุ่มประเทศคณะมนตรีความมั่นคงรัฐอ่าวอาหรับ(จีซีซี) 6 ประเทศ ประกอบด้วย กาตาร์ โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน คูเวต และซาอุดีอาระเบีย แสดงความประสงค์เข้ามาลงทุนปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย หลังจากในปีที่ผ่านมาซาอุดีอาระเบียหนึ่งในสมาชิกได้แสดงความสนใจที่จะมาลงทุนทำนาในไทยมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ถูกต่อต้านอย่างหนักจากทุกภาคส่วนของไทย ซึ่งการมาหยั่งเชิงครั้งใหม่นี้กลุ่มจีซีซีอ้างเหตุผลมีความกังวลเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร หลังจากที่ในปี 2551 ทั่วโลกได้เกิดความตื่นตระหนกเกรงเกิดวิกฤติขาดแคลนอาหาร ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรและอาหารปรับสูงขึ้นเกือบเท่าตัว โดยราคาข้าวส่งออกเคยขึ้นไปสูงถึงตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ดีมองว่ากลุ่มจีซีซีมีเป้าหมายมากกว่าการผลิตข้าวเพื่อส่งกลับไปยังประเทศของตนเอง เชื่อว่าจากนี้ไปเขาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ขอให้จับตามองความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนเหล่านี้ให้ดี ทั้งการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทด้านการเกษตรรายใหญ่ของไทยรายใดรายหนึ่ง โดยใช้ตัวแทน(นอมินี)ถือหุ้นมากกว่ากึ่งหนึ่ง(49.99%) ไม่ให้ขัดกับกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวของไทย เพื่อให้มีสิทธิ์ซื้อที่ดิน หรือเช่าที่ทำนา เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ในการส่งออกสินค้าไทย หรือการไปร่วมลงทุนในกลุ่มประเทศดังกล่าว

ขณะเดียวกันกลุ่มทุนเหล่านี้อาจเข้าไปถือหุ้นในโรงสีที่มีบริษัทส่งออก หรือร่วมถือหุ้นในบริษัทส่งออกของไทย ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เพราะมีเงินทุนหนา หากภาครัฐไม่มีการติดตามควบคุมที่ดีจะส่งผลกระทบกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งชาวนา โรงสี และผู้ส่งออก

สอดคล้องกับนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ที่ให้ข้อมูลว่า นอกจากไทยที่กลุ่มจีซีซีประสงค์จะมาลงทุนทำนาแล้ว กลุ่มจีซีซียังได้ไปลงทุนทำนาแล้วหลายประเทศในทวีปแอฟริกาในเขตที่สามารถทำนาได้ เนื่องจากประเทศในแอฟริกาอนุญาตให้ซื้อที่ดินได้ รวมถึงยังได้ไปลงทุนเช่าที่ทำนาในกัมพูชา และมีการลงทุนด้านโรงสีด้วย ซึ่งหากในอนาคตสามารถเข้ามาตั้งฐานในไทยได้ถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อชาวนา และผู้ประกอบการของไทย และจะมีรายได้ใหม่เพิ่มเติมจากน้ำมัน

"อาชีพทำนา และโรงสียังสงวนไว้สำหรับคนไทย ส่วนธุรกิจส่งออกข้าวเปิดให้ถือหุ้นได้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง แต่ถ้าเขาจะเข้ามาจริงๆคงคุมได้ยากเพราะเขาจะเข้ามาในลักษณะนอมินี ซึ่งที่ผ่านมาในธุรกิจโรงสีของไทยมีต่างชาติซึ่งเป็นเทรดเดอร์และผู้นำเข้าจากยุโรปหลายรายมาร่วมทุนตั้งบริษัทส่งออก ส่วนบริษัทส่งออกที่ไม่มีโรงสีก็มีกลุ่มนักลงทุนจากฮ่องกง และจีนมาร่วมทุน แต่ยังไม่มีประเทศใดลงลึกถึงการทำนาเหมือนกลุ่มจีซีซี ทำให้ถูกต่อต้านมาก" แหล่งข่าวกล่าวและว่า

เมื่อปลายปีที่แล้วในการสัมมนาไรซ์ คอนเวนชั่นที่เชียงใหม่ตัวแทนกระทรวงการค้าของบาห์เรนได้คุยนอกรอบกับผมเขาบอกต้องการมาซื้อที่ทำนาเอง 100% แต่ได้บอกเขาไปว่ากฎหมายไทยทำไม่ได้ ขณะที่ล่าสุดในการคุยกับท่านรมว.พาณิชย์ (อลงกรณ์ พลบุตร) ท่านรับจะจับตามองเป็นพิเศษสำหรับบริษัทจดทะเบียนของไทยที่ทำธุรกิจด้านการเกษตรว่ามีนอมินีหรือไม่"

ด้านนายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า การที่กลุ่มจีซีซีได้มารุกขอลงทุนทำนาในไทยครั้งนี้เชื่อว่ามีนักการเมืองไทยที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน ซึ่งหากในอนาคตนักการเมืองไฟเขียวให้ต่างชาติลงทุนทำนาในไทยได้ จะกระทบกับเกษตรกรที่เกี่ยวข้องกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ร่วมกว่า 20 ล้านคนอย่างมาก ซึ่งขอวอนรัฐบาลอย่ายอมเพื่อแลกกับผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.