แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการโรงสี เปิดเผยว่า ขณะนี้ ราคาข้าวสารในตลาดลดลงกว่าตันละ 1,000 บาท เนื่องจากผู้ซื้อต่างประเทศชะลอซื้อข้าวจากไทย เพราะต้องการให้ราคาข้าวไทยลดต่ำลงอีก ทั้งๆ ที่มีความต้องการข้าวอยู่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ส่งออกข้าวตลาดต่างประเทศ ต้องชะลอการซื้อข้าวจากผู้ประกอบการโรงสี ทำให้ราคาข้าวในตลาดลดลงต่อเนื่อง

สาเหตุที่ตลาดต่างประเทศชะลอการซื้อ เนื่องจากมองว่าไทยยังไม่มีความพร้อมในการใช้ระบบประกันราคา ซึ่งรัฐบาลประกาศว่าจะเริ่มแทรกแซงด้วยการประกันราคาในฤดูกาลผลิตข้าวนาปี 2552/2553 ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ แต่มีแนวโน้มว่าอาจต้องเลื่อนไปจนถึงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ เนื่องจากยังมีปัญหาการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ที่จะขอรับเงินชดเชยในระบบประกันราคายังไม่แล้วเสร็จ

"ราคาข้าวสาร โดยเฉพาะข้าวขาว ปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 1.57 หมื่นบาท ลดลงจากเดือนก่อนมากกว่าตันละ 1,000 บาท เพราะผู้ซื้อชะลอการนำเข้าข้าว ทำให้ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในประเทศ" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าว กล่าวว่า มาตรการพยุงราคาข้าวในโครงการประกันราคาสินค้าเกษตรนั้น ในส่วนการช่วยเหลือชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับโรงสี 3% ที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐคงเป็นไปได้ยาก คงไม่สามารถพยุงราคาตลาดได้ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลให้เงินชดเชยกับโรงสีแลกกับความช่วยเหลือ แต่โรงสีต้องการความมั่นใจในระบบประกันราคาข้าว ว่า ราคาตลาดจะไม่ลดต่ำลงไปอีก

นอกจากนี้ มีแนวโน้มที่รัฐบาลต้องใช้งบประมาณชดเชยการประกันราคาข้าวสูงกว่าวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าอาจจะบานปลายมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจาก 2 ปัจจัย คือ 1. ราคาข้าวในตลาดตกต่ำ จนทำให้ราคาอ้างอิงลดต่ำตามไปด้วย คาดว่ารัฐบาลต้องชดเชยเงินให้กับเกษตรมากกว่าตันละ 2,000 บาท 2. การทุจริตในการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ทั้งการแจ้งผลผลิตที่มากเกินกว่าความเป็นจริง และการแจ้งประเภทข้าวเพื่อขอรับเงินชดเชยผิดประเภท อาทิเช่น ปลูกข้าวขาว แต่แจ้งว่าปลูกข้าวหอมจังหวัด เพราะต้องการเงินชดเชยจากการประกันราคาข้าวที่สูงกว่า

นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ เลขาธิการสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สถานการณ์ซื้อขายข้าว ขณะนี้ ชะลอตัวมาระยะหนึ่ง โดยเฉพาะข้าวขาวซื้อขายลดลงมานาน เนื่องจากผู้ซื้อชะลอดูความชัดเจนจากการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลที่มีถึง 6 ล้านตัน และความพร้อมในการประกันราคาข้าวรวมทั้งภาวะโดยรวมที่รอผลผลิตใหม่ คือ ข้าวนาปีออกสู่ตลาด ส่วนข้าวนึ่งแม้จะอยู่ในภาวะเดียวกัน คาดว่าจะเป็นเช่นนี้ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นราคาและปริมาณคำสั่งซื้อจะกลับมาดีเช่นเดิม

"ส่วนตัวมองว่าระบบประกันราคา เป็นการดูแลเสถียรภาพราคา โดยรัฐไม่ต้องอุ้มข้าวไว้ในสต็อกจำนวนมาก ราคาจะเป็นไปตามกลไกตลาด เชื่อว่าการระบายข้าวจะช่วยทำให้สภาพตลาดดีขึ้น แต่ต้องระบายไม่มาก หรือแค่ 2-3 แสนตัน และเปิดกว้างให้ผู้ส่งออกเข้าร่วมประมูลได้" นางสาวกอบสุข กล่าว

นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ราคาข้าวข้าวเปลือกขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 8,000-9,000 บาท เป็นราคาชาวนารับได้ เพราะเข้าใจสถานการณ์ดีว่า เป็นช่วงสุญญากาศที่รอความชัดเจน โครงการประกันราคา และปริมาณผลผลิตข้าวนาปี ที่จะออกสู่ตลาดเดือน พ.ย.นี้ ว่า มีปริมาณเท่าไร เชื่อว่าถ้ามีความชัดเจนทั้งสองประเด็นจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ