www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ไทยอาจต้องเปิดเสรีนำเข้าข้าว


นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมจัดระเบียบนำเข้าข้าวภายหลังเปิดเสรีนำเข้าตามกรอบความตกลงอาฟต้า มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ร่วมกับสมาคมชาวนาไทย สมาคมโรงสี สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องว่า ยังไม่มีข้อสรุป เป็นการแลกเปลี่ยนและรับฟังข้อเสนอแนะของทุกฝ่าย โดยขอให้กรมการค้าต่างประเทศและภาคเอกชนร่วมศึกษาผลกระทบต่ออุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบหลังจากเปิดเสรี เพื่อจัดทำระเบียบนำเข้าข้าวต่อไป ซึ่งต้องได้ข้อสรุปภายใน 3 เดือน ตามระเบียบองค์การการค้าโลก (WTO) ที่ทุกประเทศต้องจัดทำระเบียบและแจ้งทุกประเทศล่วงหน้าก่อนกำหนดเปิดเสรี 6 เดือน

นางพรทิวากล่าวว่า โรงสีเสนอนำเข้าเป็นข้าวเปลือก ภาครัฐเสนอนำเข้าปลายข้าวที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งจะกระทบต่อเกษตรและอุตสาหกรรมข้าวไทยน้อยที่สุด ส่วนผู้ส่งออกเสนอมาตรการป้องกันการสวมสิทธิ และสุขอนามัย เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อภาพพจน์การส่งออกข้าวไทย รวมถึงศึกษาวิธีการของแต่ละประเทศดำเนินการอย่างไร

หารือกันถึงวิธีการนำเข้าที่จะไม่กระทบต่อการรักษามาตรฐานข้าวไทย ป้องกันการสวมสิทธิ ป้องกันสวมรอยจากประเทศที่ 3 และไม่ให้นำเข้าข้าวตัดต่อทางพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) "ยอมรับว่าหลังเปิดเสรีนำเข้าข้าวอาจมีผลกระทบต่อระบบข้าวของไทย การเตรียมรับมืออย่างหนึ่งคือเจรจาร่วมมือระหว่างประเทศส่งออกข้าวรายใหญ่ ซึ่งในการประชุมอาเซียน+3 อาเซียน+6 จะหารือกับเวียดนาม อินเดีย และสมาชิกอาเซียน เพื่อให้เกิดความร่วมมือและรักษาเสถียรภาพข้าวโลก"

ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา นางพรทิวากล่าวว่า มีมติให้กระทรวงพาณิชย์ทำหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความเรื่องการนำเงินกองทุน คชก. มาใช้เป็นค่าใช้จ่ายบริหารโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรทุกชนิด ทั้งในส่วนเงินชดเชยดอกเบี้ย ค่าดำเนินการขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) วงเงินกว่า 8,000 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าสามารถปฏิบัติได้หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายในภายหลัง เหมือนกรณีการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

"กรรมการ คชก.บางคน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า คชก.ไม่สามารถนำเงินกองทุนมาใช้จ่ายได้ เพราะมีคณะกรรมการที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรงในสินค้าแต่ละชนิดอยู่แล้ว อีกทั้งมติดังกล่าวไม่ใช่มติจาก คชก. ที่มีกฎหมายกำกับการดูแลงานของตนเอง จึงจำเป็นต้องส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความเพื่อให้เกิดความชัดเจน" นางพรทิวากล่าว

นางพรทิวากล่าวว่า นอกจากนี้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน คชก. ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายการรับจำนำสินค้าเกษตรแต่ละชนิดให้เกิดความชัดเจน เพื่อกำหนดแหล่งที่มางบประมาณได้ถูกต้อง โดยเฉพาะการขออนุมัติงบกลางจาก ครม.มาใช้เพิ่มเติม ในกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าสามารถใช้จ่ายเงินกองทุน คชก.ได้ เนื่องจากเงินกองทุน คชก.ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแค่ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น

ที่มา มติชน

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.