นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า กระทรวงพาณิชย์เสนอให้ กขช.พิจารณาปรับเพิ่มปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 อีก 1-1.5 ล้านตัน เนื่องจากผลผลิตที่ยังไม่เก็บเกี่ยวถึง 55% หรือประมาณ 5 ล้านตันข้าวเปลือก โดยที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ จัดทำรายละเอียดให้แล้วเสร็จใน 1-2 วัน และให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 6 พ.ค.นี้

ทั้งนี้ การเพิ่มปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังดังกล่าว ทำให้ปริมาณรับจำนำที่เดิมกำหนดไว้ที่ 2.5 ล้านตัน เพิ่มเป็น 3.5-4 ล้านตัน ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมามีเกษตรกรนำข้าวเปลือกเข้าโครงการแล้วกว่า 2 ล้านตัน ส่วนราคารับจำนำนั้นกำหนดเท่าเดิมราคาตันละ 10,800 - 12,000 บาท

นางพรทิวา ระบุว่า เพื่อให้รัฐบาลมีเงินเพียงพอที่จะมาใช้จ่าย ในโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ในการประชุมครม.วันที่ 6 พ.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ครม.อนุมัติการระบายข้าวกว่า 3 ล้านตัน ทั้งนี้หากเก็บข้าวไว้ในสต็อกนาน จะต้องเสียค่าเก็บรักษา และขายได้ราคาต่ำลงอีก

นางพรทิวา ปฏิเสธกระแสข่าวกรณีการเปิดประมูลข้าวกว่า 3 ล้านตันนั้น จะมีการกำหนดคุณสมบัติผู้ร่วมประมูลว่า ต้องประมูลข้าวไม่ต่ำกว่า 5 แสนตัน ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และไม่เคยมีการกำหนดหลักเกณฑ์เช่นนั้นเลย

พร้อมกันนั้น ในการประชุมครม.วันนี้ 6 พ.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณาเรื่องการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/2552 จำนวน 4.5 แสนตัน ให้เอกชนที่ชนะการประมูล 3 ราย โดยหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วสามารถขายส่งออกให้เอกชนต่างประเทศได้ ซึ่งต้องเร่งเสนอครม.เพราะเกรงว่าราคาข้าวโพดตกต่ำลงอีก

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์รายงานให้กขช.ทราบว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรนำข้าวเปลือกเข้าโครงการรับจำนำฯแล้วกว่า 2 ล้านตัน จากเป้าหมาย 2.5 ล้านตัน แต่ผลผลิตที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีก 58% หากไม่มีมาตรการจะเกิดปัญหาได้ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เองก็มีความกังวลในเรื่องนี้เช่นกัน โดยเฉพาะอาจเกิดปัญหาม็อบปิดถนนได้ จึงสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อมูล รายละเอียดและแนวทางช่วยเหลือเสนอเข้าที่ประชุมครม.วันที่ 6 พ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่ได้อนุมัติว่าจะให้เพิ่มปริมาณรับจำนำข้าว เพียงแต่ให้กระทรวงพาณิชย์ ไปหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกร แต่ก็มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิบางคนไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลเข้าไปรับประกันราคา เพราะรัฐบาลติดกับดักและต้องใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมาก ขณะที่เกษตรกรเองก็เสพติดกับโครงการจำนำไปแล้ว

นายวัชระ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้หยิบยกข้อเสนอของสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ ที่เสนอให้ปรับเพิ่มราคาข้าวเปลือกนาปรัง โดยเฉพาะข้าวเปลือกเหนียว 10% คละ ซึ่งที่ประชุม กขช.อนุมัติให้ปรับราคาจากตันละ 9,000 บาท เป็นตันละ 10,000-11,000 บาท

พร้อมกันนั้น กขช.ยังเห็นชอบให้กำหนดให้วันที่ 5 มิ.ย. เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เนื่องจากเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2498 รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจหว่านข้าวด้วยพระองค์เองที่หลังตึกยาว เกษตรกลาง อ.บางเขน ในสมัยนั้น

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ