นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ในภาคกลางออกไปอีก 2 สัปดาห์ เพื่อให้เกษตรกรในภาคกลาง ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำ สามารถเข้าร่วมโครงการได้ พร้อมกับมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ไปแก้ไขกฎระเบียบในการรับจำนำ เพราะที่ผ่านมายังมีความไม่แน่ใจว่า ข้าวที่กำลังเก็บเกี่ยวเป็นข้าวเปลือกนาปรังหรือข้าวเปลือกนาปี แต่เพื่อให้การดำเนินโครงการประกันราคามีระยะเวลาเดียวกัน จึงให้กระทรวงพาณิชย์ไปแก้ไขระเบียบดังกล่าว
ขณะเดียวกันยังมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ไปติดตามตรวจสอบ กรณีที่ประเทศสหรัฐมีการวิจัยพันธุ์ข้าว ที่มีคุณภาพใกล้เคียงข้าวหอมมะลิว่า มีผลกระทบอย่างไร เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรและรักษาตลาดข้าวของไทย
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ครม.ได้หารือแนวทางแก้ปัญหาช่วงรอยต่อแนวทางแทรกแซงราคาสินค้าข้าวเปลือกจากรับจำนำเปลี่ยนมาเป็นแนวทางประกันราคา โดยมีการลงทะเบียนเกษตรกรจำนวนมาก แต่ยังมีการปลูกข้าวนาปรังในช่วงกลางปีและกำลังเก็บเกี่ยวเดือนก.ย.นี้ ผลผลิตประมาณ 300,000-400,000 ตัน
ขณะที่รัฐบาลได้อนุมัติโควตารับจำนำข้าวนาปรังประมาณ 700,000 ตัน แต่ใช้ไปแล้วกว่า 20,000 ตัน จึงมีโควตาเหลือ จึงขอให้ขยายเวลารับจำนำออกไปอีก 2 สัปดาห์ จากเดิมสิ้นสุดเดือนก.ย. และให้กระทรวงพาณิชย์ไปแก้ไขระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆ ผ่อนปรนการขึ้นทะเบียนในการรับจำนำข้าว ซึ่งได้ทำไว้ก่อนสิ้นเดือนก.ค. เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไม่ให้ได้รับความเดือดร้อน
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.รับทราบความคืบหน้าในการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร 3 ชนิด ดังนี้ 1.โครงการข้าวเปลือกนาปี 2552/2553 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนแล้ว 2,618,289 ครัวเรือน ทำประชาคมเสร็จสามารถเข้าร่วมโครงการได้จำนวน 1.6 ล้านครัวเรือน 2.มันสำปะหลัง ขึ้นทะเบียนแล้ว 377,203 ครัวเรือน ทำประชาคมแล้ว 1.6 แสนครัวเรือน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ขึ้นทะเบียนแล้ว 3.7 แสนครัวเรือน ทำประชาคมแล้ว 2.7 แสนครัวเรือน
ขณะนี้มีเกษตรกรที่ทำประชาคมแล้วเสร็จ และสามารถทำสัญญาประกันราคาพืชผลทางการเกษตรทั้ง 3 ชนิด ตามโครงการประกันราคาที่จะเริ่มดำเนินการได้ประมาณ 1.6 ล้านครัวเรือน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |