นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาข้าวไทยในเร็วๆ นี้ จะปรับตัวสูงขึ้นมาก เพราะผลผลิตข้าวไทย และข้าวโลกลดลงมาก จากปัญหาภัยธรรมชาติและศัตรูพืชระบาด ประกอบกับราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมาก ส่งผลให้ราคาพืชพลังงานและสินค้าเกษตรอื่นๆ สูงขึ้นตามไปด้วย

"ได้รับการยืนยันจากผู้ส่งออกข้าวหลายราย ว่า ราคาข้าวหอมมะลิไทยอาจมีโอกาสทะลุตันละ 30,000 บาท ได้อีกครั้งเช่นเดียวกับเมื่อปี 2551 สมัยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ เพราะสถานการณ์เกิดขึ้นเหมือนกัน" นางพรทิวา กล่าว

นางพรทิวา กล่าวต่อว่า สำหรับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐนั้น ขณะนี้มีรัฐบาลหลายประเทศติดต่อขอซื้อข้าวฤดูกาลผลิตปี 2552/2553 เข้ามาแล้ว ทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน ฟิลิปปินส์ อิหร่าน รัสเซีย เป็นต้น รวมแล้วเกินกว่า 1 ล้านตัน คาดว่าในช่วงสองเดือนที่เหลือของปีนี้ จะสามารถส่งออกได้อย่างน้อย 1 ล้านตัน ส่วนปีหน้าเพิ่มเป้าหมายการส่งออกข้าวแบบจีทูจีไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัน เพราะหลายประเทศกำลังเพิ่มปริมาณนำเข้าเพื่อเพิ่มสต็อกภายในประเทศ

"แค่รัสเซียประเทศเดียว ก็ขอซื้อมาแล้วหลายแสนตัน แต่เป็นแบบการค้าต่างตอบแทน (บาร์เตอร์เทรด) ซึ่งเรากำลังพิจารณาว่าจะแลกเปลี่ยนข้าวกับสินค้าอะไร อาจเป็นน้ำมันหรืออาวุธ" นางพรทิวา กล่าว

นอกจากนี้ตนจะเดินทางเยือนญี่ปุ่นวันที่ 3-7 พ.ย. นี้ เพื่อทำความรู้จักกับรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะถือโอกาสเจรจากับ รมว.กระทรวงเกษตรญี่ปุ่นให้ขยายโควตาการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มอีก 2-3 เท่า จากปัจจุบันกำหนดประมาณ 200,000 ตันเท่านั้น รวมถึงจะเสนอขายข้าวฤดูกาลใหม่ด้วย

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดราคาอ้างอิงโครงการประกันรายได้ข้าวเปลือกนาปี 2552/2553 เพื่อใช้เป็นฐานให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกร ประจำวันที่ 1-15 พ.ย. นี้ ว่า ที่ประชุมได้กำหนดราคาอ้างอิง ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 14,840 บาท อัตราส่วนต่างตันละ 460 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 13,729 บาท ส่วนต่างตันละ 571 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 8,389 บาท ส่วนต่างตันละ 1,611 บาท

ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 9,175 บาท ส่วนต่างตันละ 825 บาท และ ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 7,680 บาท ส่วนต่างตันละ 1,820 บาท ทั้งนี้ หากเทียบราคาอ้างอิงครั้งนี้ กับราคาอ้างอิงวันที่ 16-31 ต.ค. ที่ผ่านมา พบว่า กับ ข้าวเปลือกปทุมธานีและข้าวเปลือกเหนียวราคาดีขึ้น ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมจังหวัด และข้าวเปลือกเจ้าราคายังลดลง

ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. นี้ รัฐบาลจะเปิดรับซื้อข้าวเปลือกใน 3 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร พิษณุโลก และ นนทบุรี ซึ่งนางพรทิวา และนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ จะลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของโรงสี และจุดรับซื้อในวันที่ 2 พ.ย. นี้ ขณะนี้มีโรงสีเข้าโครงการรับซื้อแล้ว 360 แห่ง

ราคาข้าวที่รายงานโดยกรมการค้าภายใน วันที่ 29 ต.ค. ข้าวเปลือกหอมมะลิ ปี 2551/2552 จังหวัดอุดรธานี ราคา 15,300-16,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้าปี 2552/2553 จังหวัดนครสวรรค์ ราคา 7,900-8,300 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเหนียว ปี 2552/2553 จังหวัดเชียงราย ราคา 7,500-7,700 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นราคาที่ต่างจากราคาประกันไม่มากนัก

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ