www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

หวั่นเดินสายขายข้าวได้แค่โรดโชว์ ตั้งเป้า2ล้านตันอาจไกลเกินฝันถูกผู้ซื้อกดราคาต่ำ


ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานแผนการเดินทางเจรจาซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ระหว่างนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งได้วางแผนการเดินทางไว้ 6 ครั้งในช่วง 1 เดือนเศษนับจากวันที่ 1 เมษายน ไปจนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 ว่า จัดเป็นแผนการเดินทางเพื่อเจรจาขายข้าวที่กระชั้นชิดมาก นับจากจีทูจีครั้งสุดท้ายในสมัยอดีตรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่มีการเจรจากับมาเลเซีย

โดยในเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์ได้แบ่งกลุ่มตลาดที่จะเดินทางไปเจรจาขายข้าวรัฐต่อรัฐไว้ดังต่อไปนี้ 1) กลุ่มประเทศ ที่เป็นคู่ค้าแบบจีทูจีเดิมของไทย เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย 2) กลุ่มประเทศที่เคยแจ้งความประสงค์ต้องการซื้อข้าวจากไทย เช่น อินเดีย และ 3) กลุ่มตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น มอริเชียส โดยสาเหตุที่กำหนดระยะเวลาการเจรจาอย่างกระชั้นชิดเพราะเป็นช่วงเวลาที่ผลผลิตข้าวนาปรังรอบที่ 2 ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวและบางตลาดมีการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นในช่วงเวลานั้นพอดี

"การกำหนดแผนเจรจาในช่วง 1 เดือนไว้ถึง 6-7 ครั้งไม่ใช่เป็นเพราะเราต้องการไปเร่ขายข้าว แต่เป็นช่วงที่เหมาะสม อาจจะเจรจาขายได้ตามเป้าหมาย 2 ล้านตัน หรือมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ ไม่น่าจะมีผลต่อราคาข้าวในตลาด แผนก็มีโอกาสที่จะปรับเปลี่ยน ล่าสุดเรากำหนด 2-3 ทริปแรกเป็นการเจรจาจีทูจีกับอินโดนีเซียและบังกลาเทศก่อน หลังจากนั้นก็ทยอยไปประเทศอื่น หากประเทศไหนมีการซื้อขายเอกชน-เอกชนก็จะเชิญผู้ส่งออกร่วมด้วย และอนาคตอาจจะขยายแผนการเจรจาไปยังองค์กรระหว่างประเทศ ที่เป็นผู้ซื้อสำคัญ เช่น เวิลด์ ออฟ ฟู้ด โปรแกรม ซึ่งจะซื้อข้าวไปบริจาค" แหล่งข่าวในกระทรวงพาณิชย์กล่าว

สำหรับเกณฑ์ในการเจรจา นอกจากชนิดของข้าวก็จะต้องดูเรื่องเกณฑ์ราคา ซึ่งต้องคำนึงถึงต้นทุนราคารับซื้อควบคู่กับราคาตลาด ณ ขณะนั้นเป็นหลัก โดยกระบวนการเจรจายังคงเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กำหนดให้ต้องเสนอผลการเจรจาซื้อขายสินค้าเกษตรของรัฐบาลที่อาจจะขาดทุน เข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบของ ครม.ก่อน ยกเว้นแต่มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานในระดับนโยบาย ซึ่งต้องเป็นไปในลักษณะเคสบายเคส

ด้านนางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า รับทราบแผนการเดินทางเจรจาขายข้าวของกระทรวงพาณิชย์แล้ว ตอนแรกจะใช้วิธีเดินทางร่วมกันระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน แต่ล่าสุดเปลี่ยนวิธี โดยจะเดินทางเจรจาค้าแบบจีทูจีก่อน 2-3 ประเทศ หลังจากนั้นในส่วนประเทศที่เป็นการค้าแบบเอกชน-เอกชน ทางสมาคมจะเข้าร่วมเดินทางด้วย ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะดำเนินการเปิดตลาดอย่างจริงจัง แต่จะต้องรอบคอบในการเลือกตลาดด้วย เพราะมีทั้งโอกาสและอุปสรรคต่างกัน เช่น ตลาดบังกลาเทศ ปกติจะใช้ระบบค้าชายแดนด้วยการซื้อข้าวจากปากีสถานและอินเดีย ส่วนใหญ่เป็นข้าวนึ่ง ซึ่งราคาต่ำกว่าข้าวนึ่งไทยประมาณ 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดังนั้นในการเปิดประมูลซื้อข้าวแต่ละครั้งผู้ส่งออกก็ไม่สามารถ แข่งขันด้านราคาได้

"อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นตลาดเก่าที่เราเสียไปให้กับเวียดนามแล้ว จากสาเหตุสำคัญก็คือ เราไม่สามารถแข่งขันในด้านราคาได้ ดังนั้นการไปโรดโชว์ต้องมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนไม่ใช่ไปแค่ โปรโมตว่าข้าวเราดี เพราะคู่ค้ารู้อยู่แล้วว่า ข้าวเราดี แต่ข้าวเราแพง หากจะยอมขายขาดทุนรักษาตลาดไปก่อนคุ้มหรือไม่ แต่ต้องยอมรับว่าการไปง้อขายก็อาจจะโดนกดราคาซื้อได้ ยกเว้นหากมีสัญญาจะซื้อจะขายก็จะส่งผลต่อราคาส่งออกแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่มีผลต่อตลาดข้าวภายในประเทศ เพราะยังเลื่อนลอยอยู่" นางสาวกอบสุขกล่าว

อย่างไรก็ตาม การเลือกตลาดมอริเชียส ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ จัดเป็นการเปิดตลาดที่น่าสนใจ เพราะถึงจะขายข้าวทันทีไม่ได้ แต่ก็จะช่วยให้รู้ถึงกฎระเบียบการทำธุรกิจกับประเทศดังกล่าวหรือการเข้าไปเจรจากับอิหร่าน ซึ่งถูกแซงก์ชั่นทำให้การส่งออกชะลอตัวลงมาก ประกอบกับการเปลี่ยนบทบาทการขายข้าวจากรัฐบาลอิหร่าน (GCC) มาเป็นเอกชน ซึ่งไทยก็มีทั้งโอกาสและมีความเสี่ยง เพราะอาจจะมีผลให้เกิดการแข่งขันที่เสรีมากขึ้น เป็นต้น

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.