www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ส่งออก"ข้าว"ร่วงหวั่นปีนี้ไม่เข้าเป้า คต.ปรับทัพย้าย"ผอ."เร่งมือระบายสต๊อก 5 ล้านตัน


การส่งออกข้าวไทยในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) ของปีนี้ที่ตัวเลข 3.37 ล้านตัน หรือลดลงจากช่วงเดียวกัน ปีก่อนที่ส่งออกได้ 3.56 ล้านตัน ได้สร้างความกังวลให้กับผู้เกี่ยวข้องในแง่ที่ว่า การส่งออกข้าวตลอดทั้งปีจะไม่เป็นไปตาม เป้าหมายที่วางไว้ที่ 9-9.5 ล้านตัน จากการคาดการณ์การส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีหลังไม่น่าจะเกิน 4 ล้านตัน เฉพาะตัวเลขเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียวปริมาณส่งออกข้าวได้ติดลบมากถึง 17.9% หรือส่งออกได้ 660,000 ตันเท่านั้น จากเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้วส่งออกได้ 807,000 ตัน และคาดว่าเดือนมิถุนายนปีนี้ ไทยจะสามารถส่งออกข้าวสูงสุดได้แค่ 700,000 ตันเท่านั้น

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานเข้ามาว่า กระทรวงพาณิชย์ได้พยายาม เร่งแผนการเจรจาขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี อย่างหนักนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้เพราะติดปัญหาการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อการชุมนุมยุติลงแล้ว กรมการค้าต่างประเทศ จึงได้กำหนดแผนจีทูจีกับ 4 ประเทศทันที ประกอบด้วย สิงคโปร์ เปิดการเจรจาในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถขายข้าวได้เพิ่ม

เพราะปัจจุบันสิงคโปร์ซื้อข้าวหอมมะลิจากเวียดนามไปแทนข้าวไทยแล้ว เนื่องจากมีราคาถูกกว่าตันละ 300-400 เหรียญสหรัฐ การเดินทางครั้งนั้น จึงเป็นเพียงการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมเท่านั้น

ล่าสุดกรมการค้าต่างประเทศมีแผนจะเดินทางไปเจรจาขายข้าวอีก 3 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย, อิรัก และมอริเชียส สำหรับอินโดนีเซียได้มอบหมายให้ นางสาว วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เดินทางไปเจรจากับหน่วยงานองค์กรสำรองอาหารแห่งอินโดนีเซีย (บูล็อก) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ จากปกติ บูล็อกจะเป็นผู้นำเข้าข้าวขาว 25% และข้าวเหนียวจากภาคเอกชน โดยการเจรจาครั้งนี้ บูล็อกแสดงความสนใจที่จะเจรจาซื้อจากไทย "ส่วนเรื่องราคาต้องหารือกันอีก"

ส่วนการเดินทางไปเจรจากับรัฐบาลเมอริเชียส ในวันที่ 26-30 มิถุนายนนี้ โดยมีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย ปรากฏว่าได้ถูกรัฐบาลมอริเชียสขอยกเลิกการเจรจาไปก่อนการเดินทางเพียง 1 สัปดาห์ เนื่องจากรัฐบาลมอริเชียสยังไม่พร้อมที่จะพบกับฝ่ายไทย ทั้งนี้ตามปกติ มอริเชียสจะนำเข้าข้าวขาว-ข้าวนึ่งผ่านทางผู้ส่งออกไทย ส่วนการเจรจากับรัฐบาลอิรัก โดยนางพรทิวา นาคาศัย ได้พบกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์อิรัก "แต่ไม่สามารถตกลงซื้อขายข้าวกันได้"

"การระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของกรมการค้า ต่างประเทศ ที่พยายามจะเปิดการเจรจา แบบจีทูจีอย่างหนัก แต่สถานการณ์ตลาดไม่เอื้ออำนวย ผู้ค้าต่างซื้อข้าวเก็บสต๊อกไว้ตั้งแต่ต้นปี 2553 จากข่าวลือที่ว่าอินเดียจะไม่ส่งออกข้าวและประสบภัยธรรมชาติ ทำให้หลายประเทศมีโอเวอร์สต๊อก ประกอบกับทางกรมการค้าต่างประเทศได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้อำนวยการใหม่ถึง 4 สำนัก ในจำนวนนี้มีข้อน่าสังเกตว่า นางสาวนพพร ลิ้นทอง ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าวถูกย้ายไปเป็น ผอ.สำนักค้าชายแดน แทนนายกนกรัตน์ คุ้มบัว ที่ย้ายไปเป็น ผอ.สำนักบริหารการค้าสินค้าทั่วไป แทนนางวิจิตตรา เหตานุรักษ์ ที่ถูกย้ายไปเป็น ผอ.สำนักบริการการค้าต่างประเทศ ขณะที่นางปราณี ศิริพันธ์ ได้ย้ายกลับ มาอยู่สำนักบริหารการค้าข้าวตามเดิม จากที่เคยดำรงตำแหน่งนี้ในสมัยนายวัฒนา เมืองสุข เป็น รมว.พาณิชย์"

นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กล่าวว่า ขณะนี้กรมได้จัดทำแผนการตลาดข้าวในสต๊อกของ รัฐบาล โดยได้พิจารณาใช้มาตรการหลายมาตรการ เบื้องต้นมีแผนที่จะเจรจาขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ซึ่งทางคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีมติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจตัดสินใจขายข้าวจีทูจีได้ โดยไม่ต้องเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่เสนอให้ที่ประชุม กขช.รับทราบ

เพื่อให้การกำหนดราคาขายข้าวเป็นไปอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ จากที่ผ่านมาเมื่อเจรจาขายได้แล้วต้องกลับมาเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน จึงจะตัดสินใจขาย ทำให้ราคาข้าวเปลี่ยนแปลงไปไม่สามารถขายได้ในที่สุด ส่วนการเปิดประมูลขายข้าวให้กับภาคเอกชนก็เป็นหนึ่งวิธีในแผนที่กำหนดไว้ แต่จะต้องคำนึงถึงระยะเวลาและต้องกำหนดปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับตลาดส่งออกข้าว

"การทำแผนตลาดระยะยาว ทางนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้มีการจัดประชุมเวิร์กช็อปการตลาดข้าวไทย ในงานมหกรรมข้าวภาคเหนือ 2010 วันที่ 2-4 กรกฎาคมนี้ ที่บริเวณท่าข้าวกำนันทรง จ.นครสวรรค์ เพื่อกำหนดแผนการตลาดภาพรวมทั้งรัฐบาลและเอกชน ทางกรมเองก็เพิ่งปรับย้ายระดับผู้อำนวยการสำนักงานการค้าข้าว โดยดึงเอาคนเก่า (นางปราณี ศิริพันธ์ ผอ.สำนักบริการฯ) ที่มีความรู้เรื่องข้าวนับสิบปี กลับมาช่วยงาน" นายมนัสกล่าว

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า พาณิชย์จังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด ร่วมกับท่าข้าวกำนันทรง จ.นครสวรรค์ ต้องการพัฒนาให้จังหวัดนครสวรรค์ เป็นศูนย์กลางการซื้อข้าวเปลือก ข้าวสาร การขนส่ง และศูนย์ส่งออกข้าวแบบเบ็ดเสร็จของไทย รวมถึงช่วยลดต้นทุนสินค้าข้าวให้สามารถแข่งขันได้ ต่อไปในอนาคตจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางค้าข้าวของอาเซียน

ทั้งนี้ปัจจุบันภาคเหนือถือเป็นแหล่งผลิตข้าวปีละ 7.5 ล้านตัน มูลค่าการส่งออก 3,000-5,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้รับรายงานจากผู้ประกอบการโรงสีข้าวว่า ราคาข้าวในประเทศก็ได้รับปัจจัยบวกจากการทำแผนการตลาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นช่วงผลผลิตข้าวนาปรัง รอบ 2 ยังไม่ออก จึงทำให้ราคาข้าว ขยับขึ้นตันละ 1,000 บาท โดยข้าวขาว 5% ตันละ 13,500 บาท และข้าวนึ่งตันละ 14,500-15,000 บาท

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.