นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเสียหายของผลผลิตข้าวจากปัญหาน้ำท่วมว่า ในแง่ของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศไม่มีปัญหาแน่นอน แต่อาจจะส่งผลกระทบกับการส่งออก แต่จะมีปริมาณแค่ไหนต้องรอดูสต๊อกที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังมีเหลืออยู่มากพอสมควร หากรัฐบาลมีการปรับยุทธศาสตร์ในการระบายข้าวคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดเผยถึงผลกระทบต่อราคาข้าวสารจากกรณีน้ำท่วมพื้นที่ปลูกข้าวในประเทศว่า หากน้ำในนาข้าวลดลงได้ภายใน 15-20 วัน พื้นที่นาข้าวจะเสียหายไม่มาก โดยคาดว่าจะทำให้ผลผลิตหายไปประมาณ 1 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็น 5 แสนตันข้าวสาร ซึ่งหากรวมกับผลความเสียหายของพื้นที่ปลูกข้าวในประเทศอื่นๆ ที่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติอาจทำให้ราคาส่งออกข้าวขาวของไทยในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงไตรมาสแรกปีหน้าปรับเพิ่มขึ้นเพียง 10% คือปรับจากตันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นตันละ 550 ดอลลาร์สหรัฐหรือปรับเพิ่มขึ้นตันละ 50 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,500 บาท หรือเฉลี่ยปรับสูงขึ้นก.ก.ละ 1.50 บาท แต่หากน้ำไม่ลดลงภายใน 20 วันผลผลิตอาจเสียหายมากกว่า 1 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งอาจดันให้ราคาข้าวสารปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าตันละ 550 ดอลลาร์สหรัฐได้ ซึ่งจะต้องรอประเมิณความเสียหายของพื้นที่เพาะปลูกข้าวภายหลังน้ำลดที่ชัดเจนอีกครั้ง

สำหรับสาเหตุที่ทำให้คาดว่าราคาจะปรับสูงขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากไทยยังมีสต๊อกอยู่จำนวนหนึ่ง ขณะอินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ยังคงมีข้าวสารในสต๊อกกว่า 25 ล้านตัน เนื่องจากมีการประกาศหยุดการส่งออกข้าวมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ต้องจับตานโยบายของรัฐบาลอินเดียว่าจะเปิดให้มีการส่งออกข้าวหรือไม่ โดยหากเปิดให้ส่งออกอินเดียอาจระบายข้าวบางส่วนออกมาขายในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาลมากขึ้น ขณะที่ผลผลิตนาปีของไทยกำลังเริ่มทยอยออกเช่นกัน โดยคาดว่าจะมีผลผลิตรวมประมาณ 20 ล้านตันข้าวเปลือก

"ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดาว่าผลผลิตข้าวไทยจะเสียหายมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยรัฐบาลควรชะลอการขายข้าวให้ภาคเอกชนออกไปก่อน เพื่อสำรองสต๊อกไว้ใช้ในประเทศและไม่ให้ราคาข้าวภายในประเทศแพงจนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคภายใน ซึ่งคาดว่ารัฐบาลมีสต๊อกข้าวเหลือขณะนี้มีประมาณ 3 ล้านตันข้าวสาร ขณะที่เอกชนก็มีอีกบางส่วน" นายชูเกียรติกล่าว

ส่วนราคาข้าวเหนียวคาดว่าราคาจะไม่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณตันละ 30,000 บาท ในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมากแล้ว หากราคาสูงขึ้นกว่านี้ผู้ซื้ออาจหันไปบริโภคข้าวชนิดอื่นๆ แทน แต่ราคาข้าวเหนียวเจ้าภายในประเทศอาจมีปัญหาราคาสูงขึ้นจากผลผลิตที่ลดลงจากปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ภาคอีสาน ส่วนปริมาณการส่งออกข้าวปีนี้จะยังไม่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมเนื่องจากเป็นคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่จะทยอยส่งมอบไปยังต่างประเทศไปจนถึงสิ้นปี ส่วนการส่งออกปีหน้าอาจส่งผลกระทบบ้าง

ที่มา ข่าวสด