นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย และอดีตนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวถึงกรณีการปล่อยข่าวลือว่ารัฐบาลจะขายข้าวในสต๊อกจำนวน 2 ล้านตัน จนเป็นสาเหตุให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำลง ว่า เป็นไปได้ว่าการปล่อยข่าวนี้เป็นการวางแผนจากพ่อค้า โรงสีข้าว และนักการเมือง ที่ต้องการให้โครงการประกันรายได้ของรัฐบาลล้มเหลว เพื่อหันกลับไปหาโครงการรับจำนำข้าวแบบเดิม ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาข้าวเปลือกในประเทศลดลงไป บางแห่งถึงตันละกว่า 6,000 บาท ทำให้มีโรงสีข้าวบางกลุ่มได้ประโยชน์ซื้อของถูก จากนั้นเมื่อราคาข้าวลดลงก็มีม็อบชาวนาเกิดขึ้นทันที เหมือนกับเตรียมการจัดตั้งไว้แล้ว เพราะลำพังชาวนาไม่น่าจะมีความพร้อมก่อม็อบ และมีเครื่องเสียงพร้อม อีกทั้งก็มีโครงการประกันรายได้ที่จะได้รับราคาขายข้าวที่ตันละ 10,000 บาท ชาวนาสามารถอยู่ได้ เนื่องจากต้นทุนจากราคาปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชไม่ได้ขยับขึ้น

"ราคาข้าวตกลงยังทำให้ผู้ที่เข้าไปลงทุนซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าที่ตลาดชิคาโก สหรัฐ ได้รับประโยชน์ เพราะการเข้าลงทุนซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้าในช่วงราคาถูกจะทำกำไรในช่วงราคาเริ่มขยับสูงขึ้น โดยหลังมีข่าวออกมาส่งผลให้การซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ที่ชิคาโก ร่วงลงมา เชื่อว่าหลังจากนี้ราคาข้าวจะค่อยๆ ขยับดีขึ้น เนื่องจากข่าวลือดังกล่าวไม่ใช่ความจริง และทางคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้มีมติชัดเจนว่าจะยังไม่ขายข้าว 5 แสนตันออกมาจากสต๊อกรัฐบาล ซึ่งจะช่วยลดการเพิ่มซัพพลายข้าวในตลาดและลดความตื่นตระหนกลงไป แต่ราคาข้าวคงจะไม่เพิ่มขึ้นสูงเท่ากับในช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดได้รับรู้ว่าในช่วงเดือนมี.ค.นี้ จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปรังออกมา รวมทั้งเวียดนามและอินเดียก็มีผลผลิตข้าวฤดูใหม่ออกมา" นายนิพนธ์ กล่าว

สำหรับปริมาณการส่งออกข้าวในเดือนมี.ค. และเม.ย. มีแนวโน้มจะต่ำกว่าเดือนก.พ. เนื่องจากคำสั่งซื้อข้าวที่ผู้ส่งออกรับมาน้อยลง ด้วยจากเดิมผู้ส่งออกข้าวหวังว่าจะประมูลซื้อข้าวรัฐบาลที่ราคาต่ำ และจะนำมาเฉลี่ยต้นทุนที่ซื้อไว้ราคาสูงก่อนหน้านี้แล้วนำไปส่งออก แต่เมื่อรัฐบาลไม่ขายข้าวออกมาทำให้แข่งขันกับเวียดนามได้ยาก คาดว่าจากที่เคยส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 7-8 แสนตัน ก็จะลดลงมาเหลือ 3-4 แสนตัน

อย่างไรก็ตาม หากมองปัจจัยเรื่องสภาพภูมิอากาศ ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงของการเริ่มทำนาปี มีการพยากรณ์ว่าปีนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์เอลนิโญ่ ซึ่งเริ่มมีสัญญาณของภาวะภัยแล้งเกิดขึ้นแล้วขณะนี้ และหากเกิดขึ้นจริงจะทำให้ประเทศผู้ผลิตข้าวในแถบเอเชียมีปัญหาเรื่องน้ำและจะผลิตข้าวได้ลดลง ทั้งไทย เวียดนาม อินเดีย และจีน หากเป็นเช่นนั้นก็มีแนวโน้มจะทำให้ราคาสูงขึ้น และอาจจะสูงได้เท่ากับในช่วงปี"51 หรืออาจจะสูงเพราะปีนี้อินเดียไม่สามารถส่งออกข้าวได้ ในขณะที่ปี"51 อินเดียส่งออกข้าวได้ แต่กำหนดเพดานราคาส่งออกขั้นต่ำเอาไว้

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งถึงสถิติการส่งออกข้าวในเดือนม.ค.53 ว่า ส่งออกได้ 7.02 แสนตัน มูลค่า 443 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 14,566 ล้านบาท ส่วนราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 630 เหรียญสหรัฐ ส่วนเดือนก.พ.53 คาดจะส่งออกลดลงอีกที่ 6.5 แสนตัน

ที่มา ข่าวสด