นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวในงานสัมมนามาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยภายใต้เครื่องหมายรับรองและสิ่งบ่งชี้ทางภูมิภาค การรับรองการตลาดข้าวหอมมะลิอินทรีย์ จัดโดยสำนักงานการค้าต่างประเทศ เขต 1 (เชียงใหม่) ที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ว่า ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยให้สูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันข้าวหอมมะลิมีการปลอมปนและส่งออกไปขายทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องส่งเสริมพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิเดิมใน 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 3 จังหวัดภาคเหนือ คือ เชียงราย พะเยา และเชียงใหม่ ให้มีความรู้ความเข้าใจระบบการผลิต การรับรอง การตลาด เพื่อสร้างภาพลักษณ์และมูลค่าเพิ่มของข้าวหอมมะลิอินทรีย์ โดยตั้งเป้าแต่ละจังหวัดต้องมีแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ 1 แห่ง และในปี 2554 จะกำหนดมาตรฐานขึ้นใหม่เป็น 95% เพื่อเจาะตลาดลูกค้าระดับบน โดยเฉพาะฮ่องกงที่นำเข้าปีละกว่า 3 แสนตัน
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการปลูกข้าวหอมมะลิธรรมดาและข้าวหอมมะลิอินทรีย์มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาในการปลูกที่สามารถทำได้เพียงปีละครั้งและให้ผลผลิตไม่มากนัก ภาคอีสานผลิตได้ 300-400 กิโลกรัมต่อไร่ เชียงใหม่ให้ผลผลิตไม่เกิน 600 กิโลกรัมต่อไร่เท่านั้น และมีราคาสูงถึงตันละ 3 หมื่นบาท จำเป็นต้องมีการพัฒนาปรับปรุงและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น ส่วนภาพรวมข้าวหอมมะลิปีที่ผ่านมามีผลผลิต 2.5 ล้านตัน มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท จากข้าวทั่วประเทศที่ผลิตได้ปีละ 8.5 ล้านตัน สำหรับปี 2553 คาดมีผลผลิตรวม 9 ล้านตัน ส่งออกไปแล้วกว่า 6 ล้านตัน
ที่มา คมชัดลึก |