นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (2 มิ.ย.) ว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้งอย่างมาก โดยเฉพาะขณะนี้ปริมาณน้ำใน 2 เขื่อนหลักอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และแม้สถานการณ์ในช่วงสัปดาห์นี้ จะมีน้ำไหลเข้าเขื่อนมากกว่าช่วง 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว แต่ในภาพรวมแล้วปริมาณน้ำยังไหลออก มากกว่าปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อน ซึ่งหากสถานการณ์น้ำยังเป็นเช่นนี้ จะทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักสามารถจ่ายน้ำได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการปลูกข้าวนาปีในปีนี้แน่นอน ขณะเดียวกันปริมาณน้ำในช่วงต้นปี 2554 นั้น คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำนาปรังปีหน้าด้วย

ทั้งนี้ ครม.มอบหมายให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำเสนอแผนเพื่อรองรับสถานการณ์น้ำแล้งเพื่อเสนอต่อที่ประชุมครม.ในสัปดาห์หน้า

นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.รับทราบสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาพบว่ามีปริมาณน้ำทั้งสิ้น 3.51 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 48% ของปริมาณความจุ และมีปริมาณน้ำที่ใช้การได้เพียง 1.13 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ขณะที่เขื่อนขนาดใหญ่ เช่น เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ณ วันที่ 31 พ.ค.พบว่ามีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างจำนวน 32.5 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่มีปริมาณน้ำที่ต้องระบายออก 80.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำภาคตะวันออก 7 อ่าง มีปริมาณน้ำรวม 74.5 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 42% ของความจุ น้อยกว่าปี 2552 ที่มีปริมาณน้ำในอ่าง 86.3 ล้านลูกบาศก์เมตร

พร้อมกันนั้น สภาพท่าน้ำในแม่น้ำสายสำคัญในภาคเหนือ พบว่าแม่น้ำปิง ปริมาณอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนแม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย แม่น้ำมูล ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสักในภาคกลาง มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย และในส่วนภาคใต้ แม่น้ำท่าตะเภา แม่ตานี แม่น้ำตาปี แม่น้ำโก-ลก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยรายงานครม.ว่าระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2552 - 31 พ.ค. 2553 มีพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว 25 จังหวัด มีพื้นที่เกษตรกรรมได้รับความเสียหายแล้ว 1.62 ล้านไร่ ส่วนการช่วยเหลือที่ผ่านมาได้มีการจัดรถบรรทุกน้ำ 804 คันแจกจ่ายน้ำให้ประชาชน ขุดลอกแหล่งน้ำกว่า 5.1 พันแห่ง เป็นต้น

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ