นายประเสริฐ บำรุงผล ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟตา ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลยังไม่ได้หาทางป้องกันข้อเสียเปรียบไว้เลย และขาด การวางแผนแต่ต้น โดยเฉพาะ ผลกระทบที่จะเกิดกับข้าวไทย
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าห่วงมากที่สุดคือเรื่องข้าวบรรจุถุงที่จะนำส่งขายในประเทศและตลาดทั่วโลก ประเด็นหากบริษัท ผู้ผลิตข้าวบรรจุถุงขาย เลือกที่จะ ลดต้นทุนการผลิตโดยนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาบรรจุถุงแทนข้าวและส่งขายในนามของข้าวไทย
“ผมอยากแนะนำรัฐบาลว่าเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดในเรื่องข้าวด้อยคุณภาพ หรือข้าวตัดแต่งพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) ที่จะไหลเข้าไทยได้นั้น รัฐควรมีข้อคำนึงในการป้องกัน 2 แนวทาง คือ 1.กำหนดจุด หรือด่านที่จะสามารถนำข้าว ต่างประเทศเข้าไทย โดยกำหนดจุดผ่านให้น้อย เพื่อสะดวกในการตรวจสอบและตรวจสอบคุณภาพ
2.ต้องวางกฎเหล็กของคุณภาพข้าวที่จะนำเข้า โดยจะต้องเป็นข้าวที่ได้มาตรฐานเดียวกับข้าวไทย ทั้งเรื่องคุณภาพของข้าว สายพันธุ์ และไม่เป็นข้าวจีเอ็มโอ เราไม่ได้กีดกันทางการค้าและให้โอกาสนำข้าวต่างประเทศเข้าได้ตามข้อตกลง แต่เรากำหนดมาตรฐานข้าวที่จะนำเข้าให้เท่ากับข้าวไทย หากผู้นำเข้านำไปบรรจุถุงขาย จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดข้าวไทยในสายตาของชาวโลก” นายประเสริฐ กล่าว
นายวิเชียร พวงลำเจียก อุปนายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า สิ่งที่หลายฝ่ายกลัวคือข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านจะไหลเข้าไทย และหากข้าวที่ไหลเข้ามาเป็นข้าวด้อยคุณภาพ หรือข้าวจีเอ็มโอ โดยข้าวจีเอ็มโอมีการปลูกจริงในต่างประเทศ และหากนำมาปลอมปนขายเป็นข้าวไทย ดังนั้นรัฐบาลต้องหาทางป้องกันตรงจุดนี้
“ช่วงนี้ปัญหานี้อาจจะไม่มีผลกระทบในทันที เพราะภาวะของข้าวสารในตลาดโลกยังถือว่าขาดตลาด ตลาดโลกมีความต้องการซื้อข้าวสารจำนวนมาก แต่หากเมื่อใดที่ตลาดข้าวซบเซาลงหรือความต้องการในตลาดโลกลดน้อยลง จะมีข้าวจากประเทศอื่นมาปลอมปน โดยพ่อค้าข้าวไทยเองจะสั่งข้าวจากต่างประเทศย้อมแมวเป็นข้าวไทยซึ่งมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เพื่อสร้างผลกำไรแน่นอน” นายวิเชียร กล่าว
ที่มา โพสต์ทูเดย์ |