นายอนันต์ ดาโลดม นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมนำเข้าข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้กรอบการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ว่าจะเป็นการทำลายระบบผลิตข้าวในประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบชาวนา ทำให้ปริมาณข้าวล้นตลาด ราคาตกต่ำ ทำลายภาพลักษณ์และคุณภาพข้าวไทยในตลาดโลก ทางสมาคมได้ยื่นหนังสือต่อนายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คัดค้านเรื่องนี้และต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวน
“การนำเข้าข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้าน อาจเกิดปนเปื้อนและส่งผลต่อพันธุกรรมข้าวไทยได้ เป็นการซ้ำเติมชาวนา ปัจจุบันเรามีปัญหาข้าวล้นตลาด ยังต้องหาตลาดใหม่รองรับไม่ได้ ยังมีคู่แข่งสำคัญได้แก่ เวียดนาม อินเดีย สหรัฐ จึงจำเป็นต้องรักษามาตรฐานผู้ส่งออกข้าวพันธุ์ดี เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง“ นายอนันต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้เหตุผลการนำเข้าข้าวเปลือกประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มโอกาสตลาดของไทย นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางส่งออกตลาดข้าว แต่ในความเป็นจริงไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาปรับแต่งให้ข้าวไทยเสียคุณภาพ นอกจากนี้ ยังละเมิดกฎหมายการนำเข้าพืช ตามข้อปฏิบัติห้ามนำเข้าพืชของแต่ละประเทศ เพื่อตัดต่อสายพันธุ์ใหม่ ทำให้เกิดโรคระบาดสร้างความเสียหายต่อผลผลิตในประเทศ
ทั้งนี้การนำเข้าข้าวเปลือกสมาคมพิจารณาแล้ว เห็นจะเกิดปัญหาเพิ่มปริมาณข้าวเปลือกในประเทศ แต่เป็นข้าวเปลือกราคาถูกและคุณภาพต่ำ ราคาข้าวอยู่ที่เกวียนละ 5,000-6,000 บาท ถูกกว่าราคาข้าวเปลือกไทยถึง 50% ขณะที่ข้าวหอมมะลิราคาถูกกว่า 50% นอกจากนั้นการนำเข้าข้าวเปลือกยังเพิ่มปริมาณข้าวเปลือกภายในประเทศทำให้ราคาตกต่ำ
นายอนันต์ กล่าวว่า ข้าวเปลือกนำเข้ามีโอกาสหลุดไปปลูกในแปลงนาปะปนกับพันธุ์ข้าวไทยได้ หากมีพันธุ์ข้าวคุณภาพต่ำปะปนในพื้นที่จนไม่สามารถกำจัดได้ จะทำให้การพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยถูกทำลายลง และอาจเกิดโรคแมลงศัตรูพืชที่มากับข้าวเปลือกนำเข้าแพร่ระบาด หากอนุญาตให้นำเข้าข้าวเปลือกได้ เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 ที่ต้องการป้องกันศัตรูพืชมิให้ระบาดเข้ามาในไทย หรือเพื่อประโยชน์ในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดต่อสิ่งแวดล้อม หรือปนเปื้อนพันธุกรรมจะไร้ความหมาย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |