www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

คต.จี้ทูตฟิลิปปินส์ซื้อข้าว 3 แสนตัน ขอลงรายละเอียด MOU หวั่นถูกมั่วนิ่มต้องยื่นประมูล


ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (วันที่ 30 มีนาคม 2553) ได้มีมติอนุมัติตามที่นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ เสนอให้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยกับกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ภายใต้ความผูกพันจัดทำเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) โดยมีสาระสำคัญที่ว่า

ฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวทั่วไปจากไทยในปริมาณขั้นต่ำ 367,000 ตัน/ปี และถ้าหากฟิลิปปินส์จำเป็นต้องนำเข้าข้าวคุณภาพดี จะต้องให้ความสำคัญ (priority) กับการนำเข้าข้าวคุณภาพดีจากไทย จำนวน 50,000 ตันด้วย โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ลงนามและสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2557 โดยสาเหตุที่ต้องทำ MOU ฉบับนี้เป็นเพราะฟิลิปปินส์ผูกพันสินค้าข้าวภายใต้ AFTAไว้ในบัญชีสินค้าอ่อนไหวสูง จึงยื่นข้อเสนอตารางการลดภาษีสินค้าข้าว โดยขอคงอัตรา 40% ในปัจจุบันไว้จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2558 จึงจะลดลงเหลือ 35% ด้านนางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กล่าวว่า ในฐานะหน่วยปฏิบัติการให้เป็นไปตามความตกลง กรมการค้าต่างประเทศได้มีหนังสือไปถึงสถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทยแล้ว 2 ครั้ง เพื่อขอหารือถึงแนวทางในการนำเข้าข้าวตามพันธกรณีดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ไทยได้ประโยชน์จากการทำ MOU อย่างแท้จริง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งทันกำหนดการลงนาม MOU ในช่วงการประชุมระดับสุดยอดผู้นำอาเซียน (ซัมมิต) ในปลายปีนี้

"เราได้ทำหนังสือไปในระดับเจ้าหน้าที่ 2 ครั้งแล้ว แต่ทางฟิลิปปินส์ยังไม่ตอบกลับมา กรมจะต้องดูรายละเอียดว่าทางรัฐบาลฟิลิปปินส์มีมาตรการการนำเข้าข้าวอย่างไร จะใช้ตามระบบปกติหรือไม่ เพราะเดิม จะมีหน่วยงานจัดซื้อข้าว National Food Authority (NFA) และใช้วิธีเปิดประมูล โดยให้ผู้ส่งออก/โบรกเกอร์จากต่างประเทศเข้าไปร่วมเสนอราคาแข่งขันกัน ซึ่งการทำ MOU ข้างต้นน่าจะเป็นหลักประกันได้ในระดับหนึ่งว่า ไทยจะมีโอกาสในการชนะประมูล เพราะฟิลิปปินส์มีพันธะต้องเปิดตลาดข้าวให้กับไทย เราหวังว่าทางฟิลิปปินส์จะให้ความร่วมมือช่วยเหลือในฐานะประเทศที่ทำความตกลงกัน" นางสาววิบูลย์ลักษณ์กล่าว

แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวเปิดเผยว่า ฟิลิปปินส์เป็นแหล่งนำเข้าข้าวสำคัญของโลก โดยปีนี้คาดว่าจะมีการนำเข้าข้าวจากทั่วโลกปริมาณ 2.6 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่มีการนำเข้า 2 ล้านตัน ซึ่งลดลงจากปี 2551 ที่มีการนำเข้าไปมากที่สุดถึง 2.5 ล้านตันเพื่อสต๊อกไว้ในช่วงที่เกิดกระแสวิกฤตอาหารโลก แต่ส่วนใหญ่จะนำเข้าข้าวขาว 25% และชาวฟิลิปปินส์ไม่นิยมการบริโภคข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดี และฟิลิปปินส์มีหน่วยงานของรัฐบาลเป็นผู้จัดซื้อข้าว (NFA) เข้าไปเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะ

"หากต้องมีการแข่งขันด้านราคาในการประมูล จะพบว่าข้าว 25% เวียดนาม ราคาประมาณ 360 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ข้าวไทยราคา 450 เหรียญสหรัฐ/ตัน นั่นหมายความว่า ข้าว 25% ของเวียดนามมีราคาต่ำกว่าข้าวไทยตันละ 50-100 เหรียญสหรัฐ โดยจะเห็นได้จากปีที่ผ่านมาฟิลิปปินส์ซื้อข้าวจากเวียดนามไปมากกว่า 1.5 ล้านตันจากจำนวนทั้งหมด 2 ล้านตันเศษ ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของฟิลิปปินส์ ทำให้มูลค่าการส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ขยายตัว 2,139% จาก 45 ล้านเหรียญสหรัฐในปีก่อนเป็น 100 ล้านเหรียญสหรัฐ"

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานต่อมาด้วยว่า นอกจากประเด็นเรื่องข้าวแล้ว รัฐบาลไทยกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ยังต้องหาข้อสรุปในเรื่องน้ำตาลด้วย เพราะฟิลิปปินส์จะขอลดภาษีนำเข้าน้ำตาลทรายภายใต้ AFTA แบบ "ขั้นบันได" โดยเสนอลดภาษีดังนี้ ปี 2552-2554 จะลดภาษีลงเหลือ 38%จากอัตราปัจจุบันที่ประมาณ 40% ปี 2555 ลดเหลือ 28% ปี 2556 ลดเหลือ 18% ปี 2557 ลดเหลือ 10% และปี 2558 ซึ่งเป็น ปีสุดท้ายจะลดเหลือ 5% จากที่ก่อนหน้านี้ฟิลิปปินส์มีท่าทีที่จะไม่ยอมลดภาษีน้ำตาลทราย ซึ่งฝ่ายไทยมีแนวโน้มที่จะยอมรับข้อเสนอนี้

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.