แหล่งข่าวระดับสูงในวงการค้าข้าว เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่าขณะนี้ประเทศจีนมีความต้องการข้าวหอมมะลิจากไทยจำนวนมาก เนื่องจากในอดีตไทยเคยส่งข้าวหอมมะลิให้จีนปีละ 3.5 แสนตัน แต่ในปี 2552 ที่ผ่านมาจีนได้รับข้าวหอมมะลิจากไทยเพียง 9 หมื่นตัน ลดจากเดิม 2.6 แสนตัน ทำให้ผู้นำเข้าจีนต้องสั่งซื้อจากประเทศเวียดนามแทน

แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวต่อไปว่า สาเหตุ ที่การส่งออกข้าวไทยไปจีนลดน้อยลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลจีนสั่งออเดอร์มาทางนักการเมือง แต่นักการเมืองที่ถือออเดอร์ไว้ในมือไม่ยอมปล่อยออเดอร์ให้กับพ่อค้า โดยจะขอค่าหัวคิวตันละ 1 พันบาท ทำให้เกิดอาการสะดุดดังกล่าว

“สยามธุรกิจ” ได้สอบถามเรื่องนี้ไปยังนายบุญยง ยงเจริญรัฐ นายกสมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย-จีน ซึ่งมีความสนิทสนมกับรัฐบาลจีน โดยได้รับคำตอบว่า ตนไม่ทราบถึงกระบวนการส่งออกข้าวของประเทศไทย รู้แต่ว่าปริมาณข้าวหอมมะลิที่ส่งเข้าไปขายในประเทศจีนน้อยลงกว่าเดิม ซึ่งตนก็เคยนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งท่านก็รับปากว่าจะช่วยดำเนินการแก้ไขให้

“เวลานี้ข้าวหอมมะลิของไทยเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศจีน ผมคิดว่าด้วยจำนวนประชากรชาวจีนที่มีนับพันล้านคน ถ้าเขากินข้าวหอมมะลิสัก 10% ประเทศไทยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีตลาดส่งออก แต่ถ้าไทยไม่ขายข้าวหอมมะลิให้ เขาก็ต้องไปหาข้าวหอมมะลิจากที่อื่นแทน เช่น ข้าวหอมมะลิของเวียดนาม ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อประเทศไทย” นายบุญยง กล่าว

ด้านนายปราโมทย์ วณิชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้ แต่โดยส่วนตัวมองว่าการส่งข้าวไปขายในประเทศจีนเป็นตลาดเสรี ใครก็ส่งออกได้ ไม่จำเป็นต้องอาศัยโควตานักการเมือง เพราะฉะนั้นคงต้องตรวจสอบให้ถ้วนถี่ว่าปัญหาดังกล่าว เกิดจากกระบวนการส่งออกจากไทย หรือเป็นเพราะระบบการนำเข้าของจีนที่สลับซับซ้อนกันแน่

ขณะที่นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกสูง โดยปี 2552 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการส่งออกข้าวหอมมะลิ รวมกว่า 2.63 ล้านตันข้าวสาร คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 68,577.7 ล้านบาท และปี 2553 นี้ ได้ส่งออกไปแล้วทั้งสิ้น 2.10 แสนตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,776.8 ล้าน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ข้าวหอมมะลิ ไทยที่ส่งไปขายในประเทศฝั่งตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกาเริ่มประสบปัญหา เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐฯได้คิดค้นข้าวพันธุ์ JAZZMAN เพื่อนำออกมาตีตลาดข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งข้าวสายพันธุ์ JAZZMAN มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิของไทยมาก ทั้งความนุ่มและกลิ่น แถมยังให้ผลผลิตสูงกว่าถึง 3 เท่า จึงอาจเป็นคู่แข่งสำคัญที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวหอมมะลิไทย

เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดข้าวหอมมะลิไทยเอาไว้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโดยเฉพาะพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิแหล่งใหญ่ของประเทศ จำเป็นต้องเร่งพัฒนาเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเท

ที่มา สยามธุรกิจ