นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลยชัย ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้านการผลิตมีมติเห็นชอบโครงการจัดระบบปลูกข้าวใหม่ ที่เน้นมาตรการการบริหารจัดการน้ำอย่างมีระเบียบ หรือข้อบังคับในการจัดสรรน้ำ ปลูกข้าวตามช่วงเวลาตามแผนของระบบการปลูกข้าว โดยแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณากำหนดพื้นที่เพาะปลูกให้เกษตรกรเป็นรายโครงการชลประทาน และควบคุมการระบายน้ำจากแหล่งน้ำต้นทุน และมีการใช้สิทธิประกันรายได้ของเกษตรกร เกษตรกรจะไม่ได้รับสิทธิประกันรายได้หากเกษตรกรไม่ปลูกข้าวตามเงื่อนไขหรือระยะเวลาที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด โดยเบื้องต้นกำหนดระยะเวลาโครงการเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.-มิ.ย.ของปีถัดไป ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปี"54-56 ใช้งบประมาณรวม 2,180 ล้านบาท

นอกจากนี้ มาตรการจูงใจจะสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชหลังนา พืชปุ๋ยสดแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจัดหาตลาดเพื่อรองรับผลผลิตพืชหลังนาที่ได้จากการจัดระบบการปลูกข้าว จัดให้การทำตลาดข้อตกลง สร้างตลาดในระดับท้องถิ่น และเชื่อมโยงตลาดระหว่างผู้ซื้อกับผู้ผลิต

"มาตรการปรับระบบการปลูกข้าวจะทำให้เกษตรกรและประเทศลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และลดปริมาณการใช้น้ำปลูกข้าวได้ฤดูละ 1,200-1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งยังทำให้เกษตรกรได้มีเวลาพักดิน ตัดวงจรโรคและแมลง ลดภาระงบประมาณของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติต่างๆ ได้อีกทางหนึ่ง และที่สำคัญยังช่วยลดต้นทุนผลิตข้าวของชาวนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถส่งออกข้าวไปต่างประเทศอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ อยู่ระหว่างนำเสนอโครงการนี้เข้าสู่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ภายในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป" นายอภิชาติกล่าว

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมและติดตามการรายงานสถานการณ์น้ำและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่กรมชลประทาน สามเสน ว่า นายกฯได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำ สภาพอากาศ และปัจจัยสนับสนุนอื่นๆอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการเพาะปลูกให้กับเกษตรกรควบคู่ไปกับการรักษาระบบนิเวศในภาพรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยประเด็นที่นายกฯแสดงความเป็นห่วงและกำชับให้กระทรวงเกษตรฯดูแลอย่างต่อเนื่องคือความเดือดร้อนของชาวนาที่อาจได้รับผลกระทบจากการประกาศเลื่อนทำนาปีไปจนถึงกลางเดือนก.ค.

ที่มา ข่าวสด