นายสุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง ผู้แทนการค้าไทย สำนักงานผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) เปิดเผยถึงภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นว่า ได้ส่งสัญญาณต่อปริมาณน้ำในโลกนี้จะลดลง ดังนั้นจึงจะส่งผลให้การผลิตสินค้าเกษตรและอาหารในโลกให้เปลี่ยนแปลงไป ในส่วนของข้าวที่การเพาะปลูกต้องใช้น้ำจำนวนมาก เป็นไปได้ว่าในอีก 5 ข้างหน้า ปริมาณผลผลิตข้าวในโลกจะลดลง 10% และจะเกิดปัญหาขาดแคลนข้าวตามมา ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นเห็นได้จากเหตุการณ์เมื่อปี 2551 ประเทศผู้นำเข้าข้าวเร่งเก็บสต็อก เนื่องจากความกังวลเรื่องความไม่มั่นคงทางอาหาร ทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยสูงสุดถึง 1,400 ดอลลาร์ต่อตัน

ปัจจุบันแม้ราคาข้าวในประเทศจะตกต่ำ แต่ความต้องการของตลาดโลกยังมีอยู่มาก โดยแต่ละประเทศได้เร่งระบายสต็อกข้าว โดยเฉพาะอินเดียลดลงมาก ดังนั้นเชื่อว่าปลายปี 2553 ทุกประเทศจะเร่งเก็บสต็อก ทำให้ราคาในตลาดโลกดีดตัวสูงขึ้นอีกครั้ง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ทีทีอาร์จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมทำยุทธศาสตร์ข้าวใหม่ โดยนำผลการศึกษาและแนวโน้มภาวะการตลาดข้าวมาร่วมพิจารณา

"ยุทธศาสตร์ข้าวที่จัดทำขึ้นต้องมีทางออกให้กับอุตสาหกรรมข้าวไทย และแนวทางการทำอาชีพของเกษตรกรซึ่งเป็นคนจำนวนมากของไทย หากยุทธศาสตร์นี้จัดทำได้สำเร็จในรัฐบาลนี้ สิ่งที่จะเห็นในอีก 5-10 ปีข้างหน้า คือเกษตรกรจะมีอาชีพและรายได้แน่นอน ไทยก็จะรู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนต่อการส่งออกข้าวในตลาดโลก" นายสุทัศน์ กล่าว

นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ขณะนี้อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเริ่มส่งผลกระทบต่อข้าว การศึกษาเบื้องต้นพบว่าทำให้การผสมพันธุ์ของเกสรลดลง มีความเป็นไปได้ที่ผลผลิตข้าวของโลกในอนาคตจะลดลง สอดคล้องกับผลการศึกษาขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ ระบุว่าผลผลิตอาหารในโลกในปี 2050 จะเริ่มขาดแคลน เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน และการรุกพื้นที่การเกษตร ขณะที่ประชากรของโลกเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 6,000 ล้านคน เป็น 9,000 ล้านคน

"เรื่องสิ่งแวดล้อมเราประมาทไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงของโลกที่มองไม่เห็นจะเป็นภัยที่รุนแรง ผมเห็นด้วยที่จะให้นำเอาปัญหาภาวะโลกร้อนมาพิจารณาในยุทธศาสตร์ข้าว ส่วนหนึ่งเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์เอาไว้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากคิดในแง่ดี ไทยในฐานะผู้ผลิตจะได้รับอานิสงส์ด้านราคาที่จะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต" นายอภิชาต กล่าว

นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับตัวแทนเกษตรกรที่ทำนา 4 ภาค พบว่าความร้อนที่สูงขึ้นทำให้ประสิทธิภาพของเกสรรวงข้าวผสมพันธุ์ได้น้อยลง ทำให้รวงข้าวมีข้าวลีบอยู่ถึง 50% บางรายที่ปลูกข้าว 30 ไร่เคยได้ข้าวถึง 25 ตันข้าวเปลือก แต่ปีนี้ได้เพียง 10 ตันข้าวเปลือก

นอกจากนี้ ภาวะที่ร้อนขึ้นทำให้น้ำน้อยส่งผลโดยต่อการปลูกข้าวที่ใช้น้ำจำนวนมาก เห็นได้จากกรณีที่แล้งจัดในปีนี้ ข้าวในแถบภาคกลางได้รับความเสียหาย คาดปี 2554 จะมีผลผลิตข้าวลดลงแน่นอน ดังนั้นภาวะโลกร้อนจึงเป็นเรื่องน่าห่วง ควรนำมาพิจารณาร่วมในยุทธศาสตร์ข้าว เพื่อหาทางแก้ไข

นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ข้าวในปี 2554 ได้นำเรื่องภาวะโลกร้อนเข้ามาพิจารณาด้วย โดยเฉพาะกรณีที่ส่งผลให้ระบบนิเวศน์เปลี่ยนไปทำให้มีศัตรูของข้าวเพิ่มขึ้นทั้งโรคระบาด และหนูที่สร้างความเสียหายให้กับข้าวโดยตรง

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ