|
"ก.พาณิชย์"เปิดเกมปั่นราคาข้าว โหมปล่อยข่าวขายจีทูจีอิรักแต่ไม่มีออร์เดอร์ในมือ
|
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานจากกระทรวงพาณิชย์เข้ามาว่า ทางกระทรวงมีแผนจะระบายสต๊อกข้าวที่ค้างอยู่ 5-6 ล้านตัน ด้วยการเปิดโอกาสให้ ผู้ประกอบการเข้ามาเสนอราคาซื้อกับนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการตลาดข้าว ภายใต้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) แต่ราคาข้าวในตลาดปรับลดลงอย่างมาก และเพิ่งจะเริ่มขยับตัวสูงขึ้นในกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตข้าวนาปรังอยู่ในช่วงปลายฤดูและออกสู่ตลาดลดลง
ดังนั้น การที่จะทำให้ราคาข้าวเปลือกขยับตัวสูงขึ้นตามความเชื่อของกระทรวงพาณิชย์ ก็คือการ "สร้างข่าวดี" มีการปล่อยข่าวออกไปว่า กระทรวงจะเปิดให้มีการ ยื่นเสนอซื้อข้าวในสต๊อก แต่ความต้องการซื้อข้าวในตลาดมีไม่มีมากนัก เพราะทั้ง ผู้ส่งออกและโรงสีต่างมีสต๊อกข้าวสารเก็บไว้ จึงมีการสร้างกระแสจีทูจี (การซื้อแบบรัฐต่อรัฐ) ขึ้น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีออร์เดอร์อยู่ในมือ จนมีการตั้งข้อสังเกตในวงการค้าข้าวขณะนี้ว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังสร้างความต้องการเทียม เพื่อปั่นราคาข้าวก่อนที่จะทำการระบายสต๊อกใช่หรือไม่ ?
ตัวอย่างการสร้างข่าวดีล่าสุดก็คือออร์เดอร์ข้าวอิรักแบบจีทูจี ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว การเดินทางของคณะผู้แทนอิรักที่เข้ามาในไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ไม่ใช่เป็นแขกของกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นการเข้ามาตามคำเชิญของกระทรวงการต่างประเทศ และมีการจัดให้พบกับ รมต.พาณิชย์ ผู้แทนอิรักไม่ได้ต้องการซื้อข้าวระบบรัฐบาลต่อรัฐบาล มีแต่การหารือกันในเรื่องของน้ำตาล ส่วนเรื่องข้าวมาเสนอไอเดีย
"ผู้แทนอิรักได้พบกับบริษัทผู้ส่งออกข้าวไทยในนามสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ซึ่งก็มีหลายรายด้วยกัน อาทิ ไชยพรค้าข้าว, ห่วยชวนได้เข้าพบกับผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการค้าอิรักด้วย เพื่อทวงถามเรื่องหนี้ข้าวที่ติดค้างกันอยู่ ตั้งแต่สมัยกัลฟ์วอร์ แต่ทางอิรักพยายามให้ไอเดียว่า มีแผนจะซื้อข้าวระยะยาว 2 ปี โดยได้เสนอไอเดีย ทั้งกับผู้ส่งออกและกระทรวงพาณิชย์ ถ้าหากทำได้จริงก็คงเป็นเรื่องดี แต่ผม เชื่อว่าเป็นแนวคิดเสียมากกว่า เพราะอิรักยังมีปัญหาด้านการเงิน ถูกสหประชาชาติแซงก์ชั่น ดังนั้น การซื้อข้าวจีทูจีจึงไม่น่า เป็นไปได้ ที่ผ่านมาอิรักซื้อข้าวจากไชยพรค้าข้าวอยู่เจ้าเดียว" ผู้ส่งออกข้าวรายหนึ่ง ที่พบกับคณะผู้แทนอิรักกล่าว
ด้านนางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ภาวะราคาข้าวส่งออกจะปรับราคาสูงขึ้นตามราคาข้าวเปลือกในตลาดที่ปรับสูงขึ้น โดยข้าวขาว 5% ในประเทศปรับสูงขึ้นกระสอบละ 30 บาท จาก 1,270 บาท เป็น 1,300 บาท ส่วนราคาส่งออกปรับสูงขึ้นเพียงตันละ 8 เหรียญสหรัฐ เป็น 448 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงปลายฤดูการผลิตข้าวนาปรัง ประกอบกับภาวะภัยแล้ง แต่ภาวะความต้องการซื้อข้าวในตลาดปกติยังไม่มีการเพิ่มขึ้นมากนัก
"การที่อิรักแจ้งว่ามีแผนจะสั่งซื้อข้าวไทยนั้น เป็นเพียงแนวคิดที่เสนอมายังผู้ส่งออก ยังไม่มีการระบุรายละเอียดชัดเจน เพราะ ผู้ส่งออกก็ยังไม่มั่นใจ จากการที่หลายรายเคยส่งออกไปอิรักแล้วไม่ได้รับการชำระเงินค่าข้าว ทำให้ราคาตลาดเพิ่มเล็กน้อย หากจะเป็นข่าวดีกับไทยจริง ต้องรอดูผลการประมูลข้าว 30,000 ตัน ซึ่งถ้าข้าวไทยชนะการประมูล จึงจะทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่ขณะนี้ราคาขยับขึ้นตามเหตุผลเดียว คือดีมานด์ลดลง แต่ซัพพลายเท่าเดิม" นางสาวกอบสุขกล่าว
ขณะนี้มีเพียงราคาข้าวนึ่งเท่านั้นที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นกระสอบละ 100 บาท ทำให้ราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 30 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากความต้องการข้าวนึ่งในตลาดแอฟริกามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะสต๊อก ที่เก็บไว้ในช่วงต้นปีหมด และอินเดียยัง ไม่ปล่อยข้าวส่งออก แต่ก็ต้องจับตาดู ตลาดอินเดีย ซึ่งมีการให้ข่าวว่าจะส่งออกเป็นระยะ ๆ โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวซึ่งถ้าอินเดียส่งออกจริง ๆ จะกระทบกับข้าวนึ่งไทย เพราะราคาข้าวนึ่งอินเดีย ต่ำกว่า ข้าวนึ่งไทย 30-40 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ด้านนางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า จากการนำคณะกรมการค้าต่างประเทศไปพบกับประธานองค์การสำรองอาหารแห่งอินโดนีเซีย (บูล็อก) ในระหว่างวันที่ 23-24 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อแสดงความยินดีการเข้ารับตำแหน่งใหม่ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การนำเข้าข้าวของอินโดนีเซียในระบบปกติ เพราะปัจจุบัน ผู้ส่งออกไทยต้องขอใบอนุญาตนำเข้าข้าวกับกระทรวงการค้าและกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซีย แต่ประสบปัญหาความล่าช้า 5-6 เดือนกว่าจะได้รับใบอนุญาต และอินโดนีเซียยังกำหนดให้ข้าวเป็นสินค้าอ่อนไหว (Sensitive List) มีอัตราภาษีนำเข้า 25-26% อยู่ ส่งผลให้ผู้ส่งออกไทย หลายรายที่ส่งออกข้าวขาวและข้าวเหนียวไปอินโดนีเซียได้รับผลกระทบ ดังนั้น จะประสานไปยังกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้นำประเด็นนี้เข้าไปหารือในการเจรจาต่อไป
"ขณะนี้ยังไม่มีการซื้อข้าวจากรัฐบาลไทย (จีทูจี) เพราะเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวของอินโดนีเซียรอบใหม่จะออกราวปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งฝ่ายไทยอาจจะต้องเดินทางไปอินโดนีเซีย เพื่อสำรวจความต้องการซื้อข้าวอีกครั้งหนึ่ง" นางสาววิบูลย์ลักษณ์กล่าว
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
|
| |
|
|
© Thai Rice Exporters Association
37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678
E-mail : contact@thairiceexporters.or.th
Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.
|
|
|