นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (เออีเอ็ม) ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 20-27 ส.ค.นี้ จะหารือกับรัฐมนตรีพาณิชย์ของเวียดนาม ถึงแนวคิดการจัดตั้งบริษัทร่วมมือการค้าข้าวอาเซียน เพื่อยกระดับราคาข้าวให้สูงขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีของลาวและกัมพูชาเสนอให้ไทยและเวียดนามนำร่องความร่วมมือดังกล่าว เพราะเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวสำคัญของโลก มีส่วนแบ่งการตลาดเกินครึ่ง
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาโครงการประกันรายได้ข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2553/54 โดยกำหนดราคาประกันข้าวเปลือกเจ้าตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานีตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 15,300 บาท ส่วนข้าวเปลือกเหนียวเดิมตันละ 9,500 บาท ซึ่งราคาประกันอาจจะปรับเพิ่มขึ้น เพราะขณะนี้ราคาข้าวเปลือกเหนียวปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก
พร้อมกันนี้ จะเสนอขออนุมัติการจัดทำมาตรการแทรกแซงข้าวเปลือกกรณีที่มีปัญหาราคาตกต่ำ เพื่อที่กระทรวงพาณิชย์จะได้ดำเนินการได้ทันที เช่น การตั้งโต๊ะรับซื้อ เพราะหากไม่มีมาตรการรองรับไว้ เมื่อข้าวราคาตกอาจจะมีปัญหาได้
ขณะเดียวกัน จะขอให้พิจารณาหลักเกณฑ์การประกันรายได้ของเกษตรกร ที่เดิมกำหนดให้มีสิทธิเข้าโครงการได้ครอบครัวละ 25 ตัน ซึ่งอาจจะมีการปรับเพิ่มปริมาณ เพราะขณะนี้ครอบครัวของเกษตรกรขยายตัวจากเดิม 4 แสนครัวเรือน เพิ่มเป็น 8 แสนครัวเรือน
นายยรรยง กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินการกำกับดูแลการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกของรัฐบาล ได้มีมติให้โรงสีที่รับซื้อข้าวเปลือกตามโครงการแทรกแซงของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ปริมาณ 1.43 แสนตันข้าวเปลือก ใน 21 จังหวัด ให้ทำการสีแปรสภาพเป็นข้าวสาร เงื่อนไขคือ โรงสีที่รับซื้อข้าวไว้ตั้งแต่ 1,000 ตันขึ้นไป ให้สีแปรสภาพได้ 30% ส่งมอบภายใน 7 วัน และห้ามเปลี่ยนชนิดข้าวที่สีแปรสภาพในการส่งมอบ ส่วนโรงสีที่รับซื้อข้าวต่ำกว่า 1,000 ตัน ไม่ให้สีแปรสภาพ และให้เก็บรักษาข้าวเปลือกไว้เช่นเดิม
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |