นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ ครม.พิจารณาแนวทางการรับชำระหนี้ค่าข้าวของรัสเซียที่ค้างชำระไทยมาตั้งแต่ปี 2533 หลังจากที่คณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของไทย ประกอบด้วยผู้แทนจาก กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้เดินทางไปเจรจากับ DR.KONSTANTIN V. VISHKOVSKI อธิบดีกรมความสัมพันธ์ทางการคลังระหว่างประเทศ กระทรวงการคลังรัสเซีย จนสามารถหาข้อยุติได้แล้ว
ทั้งนี้ แนวทางที่จะเสนอให้ ครม.พิจารณามี 2 ทางเลือก คือ 1.ขยายข้อตกลงออกไปอีก 5 ปี คือ จากวันที่ 22 ต.ค.2551 ถึง วันที่ 21 ต.ค.2556 โดยมียอดมูลหนี้ทั้งสิ้นเท่ากับ 41 ล้านดอลลาร์ เป็นเงินต้น 36 ล้านดอลลาร์ และดอกเบี้ยจำนวน 4.62 ล้านดอลลาร์ แต่จะไม่ให้คิดดอกเบี้ยในช่วงขยายเวลาดังกล่าว ซึ่งทางเลือกนี้ทางรัสเซียพร้อมใช้สินค้าไปหักหนี้ โดยเป็นสินค้าตามรายการในข้อตกลงเดิม ซึ่งหลังจากฝ่ายไทยสามารถตกลงซื้อขายสินค้ากับฝ่ายรัสเซียได้ ก็ให้แจ้งต่อรัฐบาลรัสเซีย โดยรัฐบาลรัสเซียจะทำสัญญาชำระค่าสินค้าให้กับบริษัทของรัสเซียเอง และถ้าหากถึงกำหนดแล้วยังมียอดหนี้เหลืออยู่ก็จะชำระส่วนที่เหลือเป็นเงินสดให้
2.รัสเซียจะชำระหนี้ค่าข้าวเฉพาะส่วนเงินต้นทั้งหมด เป็นเงินสดจำนวน 36,441,731.98 ดอลลาร์ ภายใน 30 วัน หลังจากมีการลงนามในข้อตกลงปรับเงื่อนไขการชำระหนี้
“ทั้ง 2 แนวทางเป็นการปรับเงื่อนไขจากสัญญาเดิมที่มีอยู่ก่อน ตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าทางเลือกรับเงินสดทันที จะให้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากในระยะที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายไม่เคยสามารถตกลงเลือกสินค้า ราคา หรือบริษัทที่ยินยอมผลิตสินค้า เพื่อส่งมอบให้ไทยที่เหมาะสมได้ และไม่แน่ใจว่าหากรอเวลาไปอีก 3 ปี จะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ แต่การรับเงินสดในทันที มีความแน่นอน ชัดเจน และเป็นการแสดงความจริงใจของทุกฝ่ายที่จะยุติเรื่องที่เรื้อรังมานานโดยเร็ว”นางพรทิวากล่าว
ส่วนขั้นตอนการดำเนินการ หลัง ครม.เห็นชอบแนวทางใดแล้ว จะต้องมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงนามในข้อตกลงปรับปรุงเงื่อนไขการชำระหนี้ หากเลือกให้ชำระเงินสดจะได้รับเงินภายใน 30 วันหลังจากลงนาม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะนำส่งเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
รัสเซียซื้อข้าวจากไทยตั้งแต่ ปี 2533 ปริมาณ 2 แสนตัน มูลค่าข้าวประมาณ 60 ล้านดอลลาร์ แต่ผ่อนชำระได้เพียง 3.4 ล้านดอลลาร์ก็ได้หยุดชำระหนี้ หลังจากนั้นในปี 2537 ได้กลับมาผ่อนชำระจนถึงเดือนก.ค.2541 เป็นเงิน 39.53 ล้านดอลลาร์ ก่อนประสบปัญหาทางการเงิน จึงหยุดชำระหนี้อีกรอบ รัฐบาลไทยจึงได้เจรจาปรับโครงสร้างหนี้ในปี 2546 โดยรัสเซียจะจ่ายเงินต้น 36.44 ล้านดอลลาร์ ดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าชำระเป็นสินค้าหักจากหนี้ข้าว ซึ่งมีข้อจำกัดเพราะหน่วยงานราชการของไทยต้องตั้งงบประมาณล่วงหน้าก่อน จึงจะทำสัญญาซื้อได้ จึงสามารถดำเนินการได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|